เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (16 กุมภาพันธ์) บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) รายงานกำไรสุทธิ 4Q63 เพิ่มขึ้น 21%YoY และ 2%QoQ สู่ระดับ 1.37 พันล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมาจากยอดสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 18%YoY และ 6%QoQ จากความต้องการสินเชื่อที่ยังคงเติบโตดี รวมถึงอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 323 bps YoY และ 62 bps QoQ เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง ขณะที่รายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 14%YoY และ 30%QoQ โดยได้แรงหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นและกำไรจากสินทรัพย์ทางการเงินที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
สำหรับปัจจัยกดดันต่อผลประกอบการ 4Q63 คือคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงแต่อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ โดย NPL เพิ่มขึ้น 11%QoQ อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 5 bps QoQ และการตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้น 61%QoQ จึงทำให้ใน 4Q63 บริษัทมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 192%QoQ โดย Credit Cost เพิ่มขึ้น 57 bps QoQ สู่ระดับ 0.89% นอกจากนี้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) หดตัวลง 28 bps QoQ ซึ่งเกิดจากผลตอบแทนจากให้สินเชื่อลดลง 42 bps QoQ มากกว่าต้นทุนเงินทุนที่ลดลง 12 bps QoQ
ทั้งนี้ MTC ยังตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 20-25% ในปี 2564 พร้อมขยายสาขาอีก 600 แห่ง เพื่อรองรับการบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ MTC ยังคาดว่า Credit Cost จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับปกติที่ 0.8-1.0% ในปี 2564 จากระดับต่ำผิดปกติที่ 0.42% ในปี 2563
กระทบอย่างไร :
วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) ปรับตัวลง 1.88%DoD สู่ระดับ 65.25 บาท แม้จะรายงานกำไร 4Q63 ใกล้เคียงกับตลาดคาดที่ 1.4 พันล้านบาท แต่ได้รับปัจจัยลบเชิง Sentiment ในระยะสั้น หลังบริษัทคาดว่าแนวโน้ม Credit Cost จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับปกติในปี 2564
มุมมองระยะสั้น :
SCBS คาดกำไร 1Q64 ของ MTC จะเติบโตขึ้นต่อในอัตราชะลอตัวลง โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินเชื่อที่ยังเติบโตดีขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดน้อยลงและการขยายสาขา แต่ผลประกอบการจะถูกกดดันจาก Credit Cost ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงขึ้น เพื่อรับมือกับทิศทาง NPL ปรับตัวสูงขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
มุมมองระยะยาว :
SCBS คาดว่ากำไรปี 2564 ของ MTC เติบโตในอัตราชะลอลงจาก 23%YoY ในปี 2563 สู่ 14%YoY จากยอดสินเชื่อที่เติบโตดีขึ้น แต่จะถูกกดดันจาก NIM ที่มีแนวโน้มหดตัวลงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น หลังจากธนาคารออมสินร่วมทุนกับ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ นอกจากนี้ยังถูกฉุดรั้งจาก Credit Cost ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงขึ้นในระดับปกติ หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
ขณะที่ทิศทางกำไรปี 2565 จะเติบโตเร่งตัวขึ้นสู่ 21%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อที่เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงจากการชะลอการขยายสาขา
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล