เกิดอะไรขึ้น:
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MONO) เผยภายใน 3 ปี (2563-2565) บริษัทตั้งเป้ารายได้แตะ 5 พันล้านบาท รวมถึงเร่งล้างขาดทุนสะสม 1.5 พันล้านบาท โดยคงคอนเซปต์เป็น ‘โรงภาพยนตร์ทุกหน้าจอ’ ควบคู่กับการปรับผังรายการแบบยืดหยุ่นให้สอดรับกับช่วงเทศกาลวันหยุดยาว รวมถึงจะเพิ่มสัดส่วนละครจากผู้ผลิตแนวหน้าของไทย ซึ่งปี 2563 ทาง MONO จะเพิ่มสัดส่วนละครไทยจากปัจจุบัน 2% มาที่ 5-7% ของผังรายการออกอากาศ และคาดจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิในปี 2563
ทั้งนี้ MONO มีธุรกิจแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1. ทีวีดิจิทัล (MONO29) มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 80% ของรายได้รวม โดยปี 2563 เตรียมปรับขึ้นราคาโฆษณายกช่องเฉลี่ย 80-100% จากเดิม ทำให้ราคาโฆษณาเฉลี่ยทั้งช่องในปี 2563 จะเพิ่มเป็นนาทีละ 8 หมื่นบาท จากปัจจุบันที่ 3.5 หมื่นบาท และช่วง Prime Time จะปรับขึ้นเป็นนาทีละ 3 แสนบาท จากปัจจุบันที่ 1.5 แสนบาท ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น
2. Video on Demand หรือ MONO Max ซึ่งจะใช้งบลงทุนร่วมกับ IPTV (การให้บริการ TV ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ทำร่วมกับ 3BB) ในการซื้อคอนเทนต์ 1-1.5 พันล้านบาท รวมถึงร่วมกับพันธมิตรในไทยและต่างประเทศผลิตคอนเทนต์ 1-1.5 พันล้านบาท เพื่อขยายฐานสมาชิก โดยสิ้นปี 2562 คาด MONO Max จะมีสมาชิก 5 หมื่นราย ตั้งเป้า 3 ปีจะมีสมาชิก 2 แสนราย
3. IPTV ร่วมมือกับ 3BB จะเริ่มให้บริการกลางปี 2563 ตั้งเป้า 3 ปีมีสมาชิก 1.5 ล้านราย ซึ่งทาง MONO จะมีส่วนแบ่งรายได้ 10%
4. การจัดอีเวนต์ โดยปี 2563 คาดมีอีเวนต์ไม่ต่ำกว่า 15 งาน
5. การผลิตคอนเทนต์ โดยปี 2563 ตั้งเป้าจะผลิตคอนเทนต์ไทยเพื่อออกอากาศในทุกช่อง แบ่งเป็นภาพยนตร์ 12 เรื่อง ละครซีรีส์อีก 6 เรื่อง
กระทบอย่างไร:
วานนี้ (20 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น MONO มีการตอบสนองต่อประเด็นดังกล่าวเล็กน้อย โดยราคาหุ้นปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดในช่วงเช้าที่ราคา 1.27 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.79%DoD ก่อนที่ช่วงบ่ายจะปรับลงมาปิดที่ 1.26 บาทเท่ากับราคาปิดวันก่อนหน้า เป็นไปตามสภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงเนื่องจากได้รับ Sentiment ในเรื่องความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ขณะที่วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ราคาหุ้นทรงตัวและไม่เคลื่อนไหวมากนัก
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ประเมินว่า MONO ยังต้องเผชิญภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากการแข่งคอนเทนต์ระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ยังเหลืออยู่ 15 ช่อง และจากการแข่งกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Disruption) หลังพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปรับชมคอนเทนต์ผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น ในขณะที่ MONO ยังอยู่ในเฟสของการลงทุนเพื่อขยายฐานผู้ชม เพิ่มคอนเทนต์และแพลตฟอร์มใหม่ๆ จึงทำให้ในระยะ 1-2 ปีจากนี้คาดผลการดำเนินงานของบริษัทยังยากที่จะพลิกมีกำไรได้
มุมมองระยะยาว:
ระยะยาวเรายังมองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลจะมีการเติบโตที่จำกัด เพราะพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปทำให้เม็ดเงินโฆษณายังคงไหลไปสื่อนอกบ้านและสื่อออนไลน์ ซึ่งแม้ปัจจุบันจะเริ่มเห็นการจับมือเป็นพันธมิตรกันมากขึ้นแล้วก็ตาม อาทิเช่น ก่อนหน้านี้ MONO ได้จับมือกับ GRAMMY โดยเตรียมเอาจุดแข็งที่มีคนละด้านมาร่วมมือกันเตรียมผลิตคอนเทนต์ซีรีส์ละครและเพลง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามกันต่อไปว่าผู้ประกอบการสื่อทีวีดิจิทัลจะรับมือหรืองัดกลยุทธ์ใหม่อะไรมาเพื่อต่อสู้หรือเอาตัวรอภายใต้ภาวะอุตสาหกรรมสื่อทีวีดิจิทัลที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวหรือมีทิศทางขาลงเช่นนี้
ข้อมูลพื้นฐาน:
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MONO) ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศและขายโฆษณาในสถานีโทรทัศน์ของบริษัท ซึ่งออกอากาศในระบบดิจิทัล