เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) รายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 3.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิ 984 ล้านบาท ใน 4Q66 และ 149 ล้านบาท ใน 3Q67) สูงกว่า Consensus คาด 12% จากกำไรพิเศษที่สูงกว่าคาด
ซึ่งหลักๆ เกิดจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสัญญาอนุพันธ์ หากหักรายการนี้ออกพบว่ากำไรปกติแข็งแกร่งที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY และ 9%QoQ เป็นไปตามที่ Consensus คาด โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และค่าใช้จ่ายภาษีที่ลดลงจากการใช้ประโยชน์จากผลขาดทุนทางภาษียกมาจากการดำเนินงานในยุโรป
สำหรับปี 2567 MINT รายงานกำไรสุทธิ 7.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 43%YoY) และหากหักรายการพิเศษออกพบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18%YoY)
ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์เป็นบวก:
เป้าหมายการเติบโต: MINT ตั้งเป้ากำไรปกติปี 2568 เติบโต 15-20%YoY (หลังจากเติบโต 18%YoY ในปี 2567) ซึ่งจะได้แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 6-8% (ธุรกิจโรงแรมจะแข็งแกร่งกว่าธุรกิจร้านอาหาร) อัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่ม ARR และการทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรมเพิ่ม
ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการชำระคืนหนี้ และการใช้ประโยชน์จากผลขาดทุนทางภาษียกมาอย่างต่อเนื่อง MINT ตั้งเป้าดำเนินงานโรงแรม 850 แห่งในปี 2570 จาก 562 แห่งในปี 2567 โดย 90% ของจำนวนโรงแรมใหม่จะเป็นสัญญารับจ้างบริหาร
สถานะทางการเงินดีขึ้น: MINT บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนที่ 0.8 เท่าในปี 2567 ลดลงจาก 1.01 เท่าในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการชำระหนี้ผ่านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและการขายบัญชีลูกหนี้บางส่วน และส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของที่ดิน
ในปี 2568 MINT ตั้งเป้าหมายลดอัตราส่วนดังกล่าวลงมาที่ 0.75 เท่า นอกจากนี้ การจัดตั้ง REIT คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปี 2568 โดย MINT คาดว่ามูลค่าของ REIT จะอยู่ที่ ~1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทจะได้รับเงิน ~700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัปเดตการดำเนินงานโรงแรม ในเดือนมกราคม RevPAR ในยุโรปเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY และ RevPAR ในประเทศไทยเติบโตในระดับ 2 หลักระดับต่ำ (Low Teen) YoY ซึ่งบ่งชี้ว่าการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
MINT เปิดเผยว่า ARR ของโรงแรมในประเทศไทย โดยเฉพาะในสมุยและภูเก็ต (4 แห่ง) มีผลงานที่ดีใน 1Q68 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันและได้รับอานิสงส์เชิงบวกจาก The White Lotus Season 3 (ซึ่งมีการมาถ่ายทำที่โรงแรม) InnovestX Research มองเป็นการโปรโมตโรงแรมของ MINT และการท่องเที่ยวของไทย สัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศไทยคิดเป็น 8% ของรายได้รวม
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น MINT ปรับขึ้น 16.1% สู่ 27.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 6.28% สู่ 1,256.48 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2568:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2568 และปี 2569 ของ MINT เพิ่มขึ้นปีละ 11% เพื่อสะท้อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีที่ลดลง โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2568 ของ MINT จะเติบโต 10%YoY มาอยู่ที่ 9.2 พันล้านบาท โดยอิงกับรายได้ที่เติบโต 6%YoY (กรอบเป้าหมายด้านต่ำของ MINT)
สำหรับ 1Q68 มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ MINT จะรายงานกำไรปกติเล็กน้อย พลิกกลับจากที่มีขาดทุนปกติในอดีต เนื่องจากช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจโรงแรมในยุโรปจะถูกชดเชยโดยธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยที่แข็งแกร่งและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
ทั้งนี้ InnovestX Research เชื่อว่าราคาหุ้น MINT จะปรับตัว Outperform SET อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกระตุ้นคือการคาดการณ์ว่า MINT จะมีกำไรได้ใน 1Q68 (จากปกติที่มักจะขาดทุนในช่วงโลว์ซีซันในยุโรป)
MINT เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว โดยให้คำแนะนำ Outperform และปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ใหม่เป็น 37 บาทต่อหุ้น โดยอิงกับ WACC ที่ 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2%
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทางและต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG คือ การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พลังงาน น้ำเสีย และขยะ ที่มีประสิทธิภาพ
CafeInvest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุน และบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉MINT – 4Q67 กำไรสุทธิสูงกว่าคาด กำไรปกติเป็นไปตามคาด
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/mint-update-20250218