เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) รายงานกำไรสุทธิ 485 ล้านบาท ใน 4Q66 ปรับตัวดีขึ้นจากขาดทุน 1.03 หมื่นล้านบาท ใน 3Q66 และขาดทุน 791 ล้านบาท ใน 4Q65 โดยใน 4Q66 JASIF ได้บันทึกขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจำนวน 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด หากตัดรายการนี้ออกไป พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 23.4%QoQ และ 32.8%YoY
กำไรปกติที่ลดลง QoQ และ YoY สะท้อนถึงรายได้ค่าเช่าที่ลดลงหลังจากแก้ไขสัญญาเช่าและได้รับผลกระทบเต็มไตรมาสครั้งแรก โดยรวมแล้ว JASIF ทำกำไรปกติได้ที่ 7.9 พันล้านบาท ในปี 2566 ลดลง 10% จากปี 2565 JASIF ประกาศลดทุน 0.16 บาทต่อหน่วย แทนการจ่ายเงินปันผล เพราะขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจำนวนมากใน 3Q66 ส่งผลทำให้กำไรสะสมติดลบ โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XN วันที่ 21 กุมภาพันธ์
รายการที่สำคัญใน 4Q66 ดังนี้
- รายได้รวม อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 20.7%QoQ และ 28.5%YoY รายได้ที่ลดลง QoQ และ YoY เป็นผลมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า โดยที่มีการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า ซึ่งมีผลใน 3Q66 ในอดีตที่ผ่านมา รายได้ส่วนนี้คิดเป็น 30% ของรายได้ค่าเช่า
- ค่าใช้จ่ายรวม อยู่ที่ 373.8 ล้านบาท ลดลง 6.2%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 1.8%YoY ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน อยู่ที่ 24.9 ล้านบาท ลดลง 12.0%QoQ และ 39.6%YoY ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 113.3 ล้านบาท ลดลง 19.4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 0.1%YoY (ประกอบด้วยค่าบริหารดูแลและบำรุงรักษาทรัพย์สิน 106.5 ล้านบาท ค่าสิทธิแห่งทาง 4.6 ล้านบาท และค่าประกันภัย 2.3 ล้านบาท) ดอกเบี้ยจ่าย อยู่ที่ 226.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2%QoQ และ 13.9%YoY ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อยู่ที่ 8.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.2%QoQ แต่ลดลง 34.9%YoY
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ราคาหน่วย JASIF ปรับลง 0.81% สู่ระดับ 6.15 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.17% สู่ระดับ 1,399.21 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2567:
InnovestX Research คาดผลประกอบการปกติ 1Q67 เติบโตเล็กน้อย QoQ แต่ลดลง YoY การเติบโต QoQ น่าจะเป็นผลมาจากอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น อัตราค่าเช่าสำหรับปี 2567 ปรับขึ้น 1.3% สู่ 460.8 บาทต่อคอร์กิโลเมตรต่อเดือน ในขณะที่การปรับตัวลดลง YoY สะท้อนถึงการแก้ไขสัญญาเช่า
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ Tactical Call สำหรับ JASIF ไว้ที่ ‘Neutral’ โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF (WACC 5.7% และ LTG 0%) ที่ 8 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 7 บาท หากไม่มีการต่อสัญญาเช่า การประกาศลดทุนทำให้ JASIF ดูน่าสนใจน้อยลง และจะทำให้ราคาหน่วยลงทุนมี Upside จำกัด อย่างไรก็ดี เชื่อว่าราคาหน่วยลงทุนจะมี Downside จำกัด เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวลคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นจะทำให้ Yield ของ JASIF ดูน่าสนใจน้อยลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความเสี่ยงนี้อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว