เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q64 ของ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น IVL ปรับตัวขึ้น 10.3%MoM สู่ระดับ 48.00 บาท สูงกว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 1.1%MoM สู่ระดับ 1,660.27 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 18 มกราคม 2565)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า IVL จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิเพียง 1.3 พันล้านบาท ใน 4Q63 หรือเพิ่มขึ้น 496%YoY และเพิ่มขึ้น 19%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ Combined PET และธุรกิจ IOD บวกกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นใน 4Q64 โดยเกิดจากธุรกิจ Integrated PET และธุรกิจ IOD ธุรกิจเส้นใยจะได้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ และการจัดการความเป็นเลิศด้านต้นทุน (Project Olympus)
ด้านกำไรจากสินค้าคงเหลือคาดจะอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์ (ลดลงจาก 50 ล้านดอลลาร์ ใน 3Q64) โดยแรงหนุนจากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้บริหารกล่าวว่า จะไม่มีการบันทึกเงินชดเชยประกันภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงงานอีเทนแครกเกอร์ในสหรัฐฯ ใน 4Q64 อย่างไรก็ดี กำไรปกติ 4Q64 จะเป็นไตรมาสดีที่สุดของปี 2564 ที่ 7.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 249%YoY และเพิ่มขึ้น 20%QoQ
สำหรับการเข้าซื้อกิจการใหม่ IVL ประกาศขยายธุรกิจสู่ตลาดเวียดนามเป็นครั้งแรก โดยจะใช้เงินลงทุน 118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 6 เท่า เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Ngoc Nghia Industry ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้านผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปขวด ขวดสำเร็จ และฝา PET (กำลังการผลิต 76,000 ตันต่อปี สำหรับการแปรรูป PET)
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายฐานการผลิตไปพร้อมกับลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ (ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม) ในตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง และยังสามารถขยายฐานการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตตามปกติ และมีโอกาสลงทุนในธุรกิจ Recycled PET ด้วย บริษัทคาดว่าส่วนแบ่ง EBITDA จากกิจการที่เข้าซื้อครั้งนี้จะอยู่ที่ 14-15 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งยังน้อย โดยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของ EBITDA ทั้งหมด
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่าในปี 2565 กำไรของ IVL มีแนวโน้มเติบโตที่ 37%YoY โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น Core EBITDA/t ของธุรกิจ PET และธุรกิจ IOD ที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งกำไรของ Oxiteno ซึ่งการเข้าซื้อกิจการจะแล้วเสร็จใน 1Q65
นอกจากนี้ SCBS ยังคงมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาว เนื่องจาก PET จะยังคงเป็นวัตถุดิบที่นิยมนำมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์มากกว่าวัตถุดิบประเภทอื่น (อะลูมิเนียม และแก้ว) ซึ่งกระบวนการผลิตใช้พลังงานอย่างเข้มข้น และปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากกว่า นอกจากนี้ธุรกิจ IOD มีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีความผันผวนน้อยลง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP