เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 312%YoY แต่ลดลง 18%QoQ ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 2564 อยู่ที่ 2.62 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิเพียง 2.4 พันล้านบาท ในปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (PET และ IOD) ที่ดีขึ้น และกำไรจากสินค้าคงเหลือ (274 ล้านดอลลาร์) ซึ่งช่วยชดเชยต้นทุนพลังงานสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 190 ล้านดอลลาร์ YoY)
ในผลประกอบการ 4Q64 Core EBITDA/t ปรับตัวเพิ่มขึ้น 61%YoY และ 6%QoQ โดยได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นของธุรกิจ Combined PET (71% ของปริมาณการขายทั้งหมด) และธุรกิจ IOD (17%) ซึ่งเกิดจากมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดน้อยลงทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม Core EBITDA/t ของธุรกิจ Combined PET น่าจะดีกว่านี้ถ้า IVL ไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่ง Core EBITDA/t ของธุรกิจ IOD ก็ปรับตัวดีขึ้น 5%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่แข็งแกร่ง หลักๆ คือ สารลดแรงตึงผิว โพรพิลีนออกไซด์ และโพรพิลีนไกลคอล ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและต้นทุนวัตถุดิบ (โพรพิลีน) ที่ลดลง ธุรกิจ MEG ก็ได้รับประโยชน์จากความได้เปรียบจาก Shale Gas หลังจากโรงงานอีเทนแครกเกอร์ที่เมือง Lake Charles เริ่มดำเนินงาน
ส่วนปริมาณการขายลดลง 0.6%QoQ ตามฤดูกาล แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 6.6%YoY เนื่องจากปริมาณการขายของธุรกิจ PET และธุรกิจ IOD ลดลง ในขณะที่ปริมาณของธุรกิจเส้นใยเพิ่มขึ้น 8.7%QoQ หลักๆ เกิดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Lifestyle (หลักๆ ในอินเดียและบราซิล) และผลิตภัณฑ์ Hygiene เนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัวหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ขณะที่อุปสงค์ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Mobility ยังคงอ่อนแออันเป็นผลมาจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากตลาดยางรถยนต์ทดแทนที่แข็งแกร่ง
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (วันที่ 1 มีนาคม 2565) ราคาหุ้น IVL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.11%DoD สู่ระดับ 45.50 บาท ดีกว่า SET Index ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.54%DoD สู่ระดับ 1,694.28 จุด
มุมมองต่อผลประกอบการและแนวโน้มปี 2565:
SCBS ประเมินผลประกอบการ 4Q64 ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเกิดจาก Core EBITDA/t ที่ต่ำกว่าคาด และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าคาด ประกอบกับได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยผู้บริหารยังคงมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ ด้วยแรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 15.6%YoY และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นหลังจากมีการปรับราคาสัญญาระยะยาวใหม่ โดยเฉพาะในตลาดตะวันตก
ซึ่งปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ การเข้าซื้อ Oxiteno เสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 และการดำเนินงานเต็มปีของโรงงานก๊าซแครกเกอร์ Lake Charles ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากความได้เปรียบด้านต้นทุนก๊าซมากขึ้น
นอกจากนี้ IVL ยังคาดการณ์ถึงผลประโยชน์จากโครงการ Olympus เพิ่มอีก 500 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 291 ล้านดอลลาร์ ในปี 2564
ส่วน SCBS มองแนวโน้มกำไรในปี 2565 จะยังเติบโตอย่างน่าประทับใจที่ 48%YoY โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น Core EBITDA/t ที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับธุรกิจ PET และธุรกิจ IOD และกำไรจาก Oxiteno หลังจากเข้าซื้อกิจการเสร็จภายในสิ้น 1Q65
ในขณะที่การเติบโตในระยะยาวเนื่องด้วย PET จะยังคงเป็นวัตถุดิบที่ถูกเลือกใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจ IOD ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างสดใส เพราะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์มีความผันผวนน้อยลง
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตามคือ
- อุปสงค์ลดลง
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ใหม่ได้ต่ำกว่าคาด
- การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP