เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (10 กุมภาพันธ์) บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) จัดงาน Capital Market Day ประจำปี เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทและแผนสร้างการเติบโตในระยะยาวถึงปี 2573 บริษัทยืนยันกลยุทธ์ในการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์รีไซเคิลเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความยั่งยืน สุขภาพ และการขยายตัวของเมือง ธุรกิจทั้งหมด 3 กลุ่มจะเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตในโลกใหม่แห่งความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน
นอกจากนี้บริษัทยังให้คำมั่นว่าจะใช้เงินลงทุน 640 ล้านดอลลาร์ในระยะ 9 ปีข้างหน้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยตั้งเป้าลด GHG ลง 30% ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจาก 10% ภายในปี 2568 บริษัทตั้งเป้า Core EBITDA สำหรับปี 2573 ไว้ที่ 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 และ 2.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากงบลงทุน (ปี 2568-2573) จำนวน 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อขยายกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านตันต่อปี (CAGR 7%) จาก 17.4 ล้านตันต่อปีในปี 2564
ส่วนในระยะสั้นถึงระยะกลาง IVL ตั้งเป้า Core EBITDA ในระยะ 3 ปีข้างหน้าเติบโตที่ CAGR 17% ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากการซื้อกิจการใหม่ (หลักๆ คือ Oxiteno) ธุรกิจรีไซเคิล (40% ของ Core EBITDA ส่วนเพิ่ม) และโครงการพัฒนาโปรแกรมต้นทุนและโครงการดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (32%) ผู้บริหารคาดว่า ROCE จะเพิ่มขึ้นจาก 12.2% ในปี 2564 สู่ 15-17% ในปี 2567 โดยอิงกับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบตามหลักอนุรักษ์นิยมที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผู้บริหารเชื่อมั่นว่าโครงการสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน หรือ Olympus จะช่วยหนุนให้ EBITDA ปรับตัวดีขึ้นเร็วกว่าที่วางแผนไว้ โดยคาดว่าจะหนุนให้ EBITDA จากการดำเนินงานปกติปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 670 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่วางไว้ที่ 610 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2566
โครงการนี้ช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนได้มากกว่าเป้าที่วางไว้ในปี 2564 แล้ว 2% และจะช่วยสนับสนุนให้ฐานะการเงินของ IVL แข็งแกร่งมากขึ้นในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะอยู่ที่ระดับต่ำเพียง 0.6 เท่าภายในสิ้นปี 2567 ลดลงจาก 1.4 เท่า (1Q65) หรือหลังจากเข้าซื้อกิจการ Oxiteno เสร็จสิ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทขยายกำลังการผลิตเพิ่มสู่ระดับที่ตั้งเป้าไว้ที่ 33 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2565 ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น IVL ปรับตัวขึ้น 1.47%DoD สู่ระดับ 51.75 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของ IVL หลังจากเข้าร่วมงาน Capital Market Day ดังข้างต้น ซึ่งบริษัทได้เปิดเผยวิสัยทัศน์และเป้าหมายการเติบโตจนถึงปี 2573 ภายใต้ ‘Reimagining Chemistry Together to Create A Better World’ โดยตั้งเป้า Core EBITDA ที่ท้าทายที่ 4.7 พันล้านดอลลาร์ เทียบเท่า CAGR 9 ปีที่ 11% (แม้ยังต่ำกว่า CAGR 18% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) ในฐานะบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยหลักๆ อยู่ในตลาดตะวันตก และกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์รีไซเคิล บวกกับโครงการสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน (Olympus) ทำให้คาดว่า IVL จะสามารถทำเป้าหมายดังกล่าวได้สำเร็จ
สำหรับแนวโน้มกำไรใน 4Q64 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ Combined PET และธุรกิจ IOD บวกกับกำไรจากสินค้าคงเหลือ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเกิดจากธุรกิจ Integrated PET และธุรกิจ IOD ธุรกิจเส้นใยจะได้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจและการจัดการความเป็นเลิศด้านต้นทุน (Project Olympus)
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดการณ์แนวโน้มกำไรปี 2565 ของ IVL จะเติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ PET ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อุปทานที่ลดลงในจีนอันเป็นผลมาจากมาตรการตัดไฟประกอบกับอัตราค่าระวางสูงจะส่งผลดีต่อมาร์จิ้นของ IVL เนื่องจากบริษัทตั้งราคาขายเทียบเคียงการนำเข้า สัญญาระยะยาวของ IVL สำหรับธุรกิจ Integrated PET ในตลาดตะวันตกก็จะมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
ส่วนกำไรของธุรกิจ IOD จะได้รับการสนับสนุนจากการเริ่มเดินเครื่องโรงงานอีเทนแครกเกอร์ในสหรัฐฯ (Lake Charles) ซึ่งจะช่วยหนุนให้ Integrated Margin ในปี 2565 ปรับตัวดีขึ้น โดยเกิดจากความได้เปรียบด้านวัตถุดิบ นอกจากนี้การเข้าซื้อกิจการของ Oxiteno ก็จะช่วยสนับสนุนกำไรของธุรกิจ IOD ในปี 2565 หลังจากธุรกรรมนี้แล้วเสร็จใน 1Q65 โดยจะหนุนให้ Core EBITDA ปรับขึ้นได้อีก 150 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการ มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ
1. ความต้องการผลิตภัณฑ์ของ IVL ปรับตัวลดลง
2. การปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ใหม่ได้ต่ำกว่าคาด
3. การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลาสติก