เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) (HTC) ตั้งเป้ารายได้ของปี 2566 เติบโต 6-8% โดยเน้นการขายและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในพื้นที่การท่องเที่ยว การออกสินค้าใหม่ยังคงเป็นกลุ่ม Zero Sugar และตั้งเป้าสัดส่วนการตลาดของตลาด NARTD (Non-Alcoholic Ready-to-Drink) ที่ 26% เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 25.5%
นอกจากนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์ Haven Karnjanavanich คาดว่าจะสามารถมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท มียอดจองแล้ว 13 ยูนิต หรือมี Backlog แล้วประมาณ 65 ล้านบาท
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น HTC ปรับเพิ่มขึ้น 7.44%MoM สู่ระดับ 32.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 2.41%MoM อยู่ที่ 1,594.69 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research คงมุมมองที่เป็นบวกต่อการเติบโตของ HTC ในปี 2566 โดยคงประมาณการการเติบโตของรายได้ที่ 6%YoY เท่ากับ 7,505 ล้านบาท โดยประเมินว่าทั้งปริมาณการขายและราคาขายจะทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา หนุนด้วยภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในภาคใต้
และคาดว่ารายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ประมาณ 100 ล้านบาท หรือ 1.3% ของรายได้รวม ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดไว้ที่ 40% ทรงตัวจากปีที่ผ่านมา แต่มองว่าโอกาสเกิด Upside หากทิศทางราคาน้ำมันและต้นทุนค่าขนส่งอ่อนตัวลงต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิเติบโต 20%YoY เท่ากับ 522 ล้านบาท
ด้านทิศทางผลประกอบการของ 1Q66 คาดว่ารายได้และยอดขายรวมจะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและราคาขายใหม่ โดยบริษัทคาดการเติบโตที่ไม่น้อยกว่า 10% อย่างไรก็ตาม ปลายปี 2565 HTC มีการยกเลิกกิจการของบริษัทย่อย 3 แห่ง ทำให้มีการบันทึกด้อยค่าและค่าใช้จ่ายเข้ามาใน 4Q65 และจะมีเหลือมาบันทึกบางส่วนใน 1Q66 แต่คาดว่าจะไม่เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ 1Q66 และใน 1Q66 นี้คาดว่า HTC จะสามารถบันทึกรายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ประมาณ 3 หลัง หรือ 17 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ HTC ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 36 บาทต่อหุ้น โดยเป้า PER ที่ 14 เท่า ซึ่งชอบที่ HTC เป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและให้ตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 5% ต่อปี และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยประกาศเงินปันผลงวด 2H66 ที่ 0.97 บาทต่อหุ้น (รวมทั้งปี 1.52 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นผลตอบแทน 3% ขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคม 2566
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวลที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนวัตถุดิบหลักราคาผันผวน เงินเฟ้อ และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กูรูแนะกลยุทธ์นักลงทุนในปี 2023 ศึกษาตลาด อย่าหวั่นไหว และรู้ข้อจำกัดตนเอง
- สินทรัพย์ไหนรุ่ง/ร่วง? เปิด 5 คำทำนายจากผู้จัดการกองทุนต่างๆ สำหรับปี 2023
- โปรดระวังดอลลาร์ ‘กลับทิศ’ กระทบเศรษฐกิจโลก