เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการใน 2H64 มีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้นจาก 1H64 หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการสาขาในพื้นที่สีแดงเข้มได้ หนุนให้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ HMPRO ยังได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์ม Omni-Channel เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท รวมทั้งพัฒนาการบริการ Click & Collect, Chat Shop 4 You และอุปกรณ์เครื่องมือการขายสำหรับพนักงาน
นอกจากนี้ HMPRO ยังมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ด้วยการปรับปรุงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงยังเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพซัพพลายเชน การจัดส่งผ่านบริการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้รับปลายทางภายในวันเดียวและในวันถัดไป และระบบสต๊อกแบบรวม (รวมคำสั่งซื้อของลูกค้าเพื่อจัดส่งครั้งเดียว)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น HMPRO ปรับตัวขึ้น 11.0%MoM สู่ระดับ 14.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 6.9%MoM สู่ระดับ 1,633.76 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กันยายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดแนวโน้มกำไร 3Q64 ของ HMPRO จะลดลง YoY และ QoQ โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายปลีกและรายได้ค่าเช่าที่ยังคงลดลงในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยยอดขายสาขาเดิม (SSS) ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม หดตัวลง 20%YoY เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ส่งผลให้ HMPRO ต้องทำการปิดสาขา (โฮมโปร 29 สาขา และเมกาโฮม 4 สาขา) ในศูนย์การค้าและสาขาแบบสแตนด์อโลนบางแห่งตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นสัญญาบวกจาก SSS ในเดือนกันยายน 2564 ที่เริ่มพลิกกลับมาเติบโต YoY เป็นตัวเลขหลักเดียวหลังจากได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อเนื่องสำหรับการฟื้นตัวของแนวโน้มผลประกอบการใน 4Q64
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดแนวโน้มกำไรปี 2565 ของ HMPRO จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2564 โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS และรายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำที่มีสาเหตุมาจากกำลังซื้อและ Sentiment ที่อ่อนแอ รวมถึงการปิดสาขาและพื้นที่ขายตามคำสั่งล็อกดาวน์
ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า HMPRO ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Omni-Channel สู่ระดับ 10% ของยอดขายทั้งหมด (จาก 1% ในปี 2562, 5% ในปี 2563, 6% ใน 1H64 และ 9.7% ในช่วงที่ปิดสาขาและพื้นที่ขายในช่วงล็อกดาวน์เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564) และตั้งเป้าดำเนินงานสาขา 150 สาขา (รวมสาขาทุกรูปแบบทุกประเทศ) จาก 115 สาขาในปัจจุบัน
นอกจากนี้ HMPRO ยังวางแผนเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นผ่านการเพิ่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ Private Label ที่ให้มาร์จิ้นสูง และการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูงมาวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดีขึ้น เพราะประสิทธิภาพพนักงานและโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น