เกิดอะไรขึ้น:
วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 52%YoY และเพิ่มขึ้น 5%QoQ ตามตลาดคาด โดยกำไรที่เติบโต YoY ได้รับการสนับสนุนจากรายได้ 2Q64 ที่เติบโต 17%YoY สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) ที่ฟื้นตัวดีขึ้น 13%YoY จากฐานต่ำในปีก่อน และการจัดงาน HomePro Super Expo ผ่านช่องทาง E-Commerce และทุกสาขาทั่วประเทศใน 2Q64
ทั้งนี้ HMPRO ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไทยในการจำกัดชั่วโมงทำการในบางสาขา โดยใน 2Q64 HMPRO เปิดโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 1 สาขา แต่ปิดโฮมโปรเอส 1 สาขา ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 115 สาขา ณ สิ้น 2Q64 (+2% YoY แต่ทรงตัว QoQ)
ด้านกำไรขั้นต้น 2Q64 เพิ่มขึ้น 140 bps YoY สู่ระดับ 25.2% เนื่องจากสัดส่วนยอดขายกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนจัดซื้อสินค้า ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายลดลง 10 bps YoY สู่ระดับ 17.7% โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงในส่วนธุรกิจโฮมโปรในประเทศมาเลเซียจากการปิดสาขาชั่วคราว
นอกจากนี้รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นๆ เติบโต 42%YoY โดยเกิดจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 42%YoY เนื่องจากไม่มีการผ่อนผันค่าเช่าเหมือนใน 2Q63 แต่ยังคงให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่า และรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น 44%YoY จากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (29 กรกฎคม 2564) ราคาหุ้น HMPRO ปรับตัวลง 2.22%DoD สู่ระดับ 13.20 บาท สวนทาง SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 2.17 จุดหรือเพิ่มขึ้น 0.14%DoD สู่ระดับ 1,539.80 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าแนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 ยังมีความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) โดยตรงจากมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมการระบาดของโควิด โดยเฉพาะในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม และทางอ้อมจาก Sentiment และกำลังซื้อที่อ่อนแอ โดย HMPRO ได้ปรับลดชั่วโมงทำการสาขาของบริษัทลง (ปิดเวลา 20.00 น.) ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม และปิดสาขา 24 สาขา (20% ของสาขาทั้งหมด โดยส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้า)
และพื้นที่ขายบางส่วน เช่น พื้นที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม โดยมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่ง SCBS ประเมินผลกระทบด้านลบได้ที่ 15-20% ของยอดขายตลอดระยะเวลาดังกล่าว ขณะที่ความเสี่ยงขาลงทางอ้อมคือ Sentiment และกำลังซื้อที่อ่อนแอจากผลกระทบของโควิด
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอื่นๆ ที่ต้องติดตามคือ การขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ และการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นหากยังไม่สามารถควบคุมยอดผู้ติดเชื้อโควิดได้
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดกำไรตลอดทั้งปี 2564 ของ HMPRO ที่ 6.04 พันล้านบาท เติบโต 17%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำของปีก่อน การขยายสาขาในระดับปานกลาง อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าเช่า และรายได้อื่นๆ ที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ต้องติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นต่อยอดขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน รวมถึงต้องติดตามความเสี่ยงจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อ SSS