เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 3%QoQ เป็นไปตามตลาดคาด กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY สะท้อนถึงยอดขายและรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ดีขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น ซึ่งมากเกินพอชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายที่สูงขึ้น ขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล
รายการสำคัญในผลประกอบการ 1Q66 มีดังนี้
- รายได้เติบโต 9%YoY สู่ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขา (SSS) ที่เพิ่มขึ้นและการขยายสาขา ซึ่งประเมินได้ว่า SSS ที่ร้านโฮมโปรเติบโต 6%YoY (เทียบกับ 3.1%YoY ใน 1Q65 และ 2.9%YoY ใน 4Q65) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศสำหรับบางภูมิภาค จากการกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
รวมถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ได้แก่ มาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ โดยสามารถนำค่าซื้อสินค้าหรือบริการไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นจำนวนเงินสูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น HomePro Expo 2023 ในวันที่ 18-26 มีนาคม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรม Double Day ที่สาขาและช่องทางออนไลน์ด้วย
ทั้งนี้ ใน 1Q66 นั้น HMPRO ได้เปิดสาขาเมกาโฮมแห่งใหม่ 3 สาขา ที่รัตนาธิเบศร์ บางพลี และติวานนท์ ส่งผลให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 120 สาขา ณ สิ้น 1Q66 (เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 3%QoQ) ซึ่งประกอบด้วย โฮมโปร 87 สาขา, โฮมโปรเอส 5 สาขา, เมกาโฮม 21 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 7 สาขา
- อัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้น 10 bps YoY สู่ 26.1% ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนผสมการขายที่ดีขึ้นจากการมีสัดส่วนยอดขายสินค้า Private Brand ที่ให้มาร์จิ้นสูงต่อยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 20.7% ใน 1Q66 (เทียบกับ 20.4% ใน 1Q65) ซึ่งมากเกินพอชดเชยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้องกับการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการมียอดขายที่ให้มาร์จิ้นต่ำจากร้านเมกาโฮมมากขึ้น
- อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย เพิ่มขึ้น 30 bps YoY สู่ 18.5% โดยเกิดจากค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม่ของเมกาโฮม ค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น และการจัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายมากขึ้น
- รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นเติบโต 13%YoY สู่ 1 พันล้านบาท รายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต 16%YoY สู่ 477 ล้านบาท เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 10%YoY สู่ 551 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า
- ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเติบโต 42%YoY สู่ 133 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (26 เมษายน) ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น HMPRO ปรับเพิ่มขึ้น 13.70%DoD สู่ระดับ 13.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.36%DoD สู่ระดับ 1,545.71 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการใน 2Q66 ด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและอากาศร้อนช่วยกระตุ้นยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็น 20-25% ของยอดขาย จึงประเมินว่า SSS ของ HMPRO จะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY ในเดือนเมษายนถึงปัจจุบัน และคาดว่ากำไร 2Q66 จะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
กลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ HMPRO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 17 บาทต่อหุ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กูรูแนะกลยุทธ์นักลงทุนในปี 2023 ศึกษาตลาด อย่าหวั่นไหว และรู้ข้อจำกัดตนเอง
- สินทรัพย์ไหนรุ่ง/ร่วง? เปิด 5 คำทำนายจากผู้จัดการกองทุนต่างๆ สำหรับปี 2023
- การลงทุนปี 2023 ทรงอย่าง Good จะ Smooth หรือไม่?