เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ประกาศเข้าลงทุนในตลาดพลังงานของสหรัฐฯ ผ่านการเข้าซื้อหุ้น 40% ในโครงการ Jackson Generation ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิต 1,200 MW ตั้งอยู่ในเขตวิลล์ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤษภาคม 2565
นอกจากนี้ Jackson Generation ยังเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ขนาดใหญ่ที่สุดที่จำหน่ายไฟฟ้าให้กับ Pennsylvania-New Jersey-Maryland Interconnection (PJM) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการระบบส่งไฟฟ้าระดับภูมิภาคชั้นนำ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าแบบขายส่งในพื้นที่ 13 รัฐ และเขตปกครองพิเศษโคลอมเบีย (District of Columbia)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- GULF ทุ่มเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์
- สารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ GULF หนุนรัฐเจียดงบกลาง 7-8 พันล้านบาท อุ้ม ค่าไฟ กลุ่มรายได้เปราะบาง
- ‘GULF’ ควัก 2.73 พันล้านบาท เข้าลงทุนใน LCI Fund เสริมแกร่งธุรกิจพลังงาน ตอบโจทย์การเติบโตยั่งยืน
PJM จำหน่ายไฟฟ้ามากกว่า 20% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในสหรัฐฯ ในปี 2564 ด้วยเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัยและอัตราความร้อนต่ำ Jackson Generation จะเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญในตลาดซื้อขายไฟฟ้าแบบเสรีของสหรัฐฯ
GULF คาดการณ์ EIRR ในระดับ Mid-teen ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยผลตอบแทนที่ลดลงจากโครงการฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง BKP2 หลังจากบริษัทขายหุ้นบางส่วนออกไป การลงทุนครั้งนี้จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2565 โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น BKR2 และการออกหุ้นกู้ชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะสร้างกำไรปีละประมาณ 5-6 ล้านบาทต่อ MW หรือ 3-3.5 พันล้านบาท (อ้างอิงสัดส่วนการถือหุ้น 49%, 588 MW) โดยอิงกับราคาก๊าซ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu หากราคาก๊าซเพิ่มขึ้น กำไรและผลตอบแทนจากการลงทุนจะปรับขึ้นได้อีก โดย InnovestX Research ประเมินมูลค่าส่วนเพิ่มจากการลงทุนครั้งนี้ได้ที่ 1.4 บาทต่อหุ้น อ้างอิงอายุโครงการ 40 ปี และ EIRR 15
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GULF ปรับเพิ่มขึ้น 11.50% สู่ระดับ 55.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.68% สู่ระดับ 1,665.74 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
InnovestX Research คาดว่า GULF จะรายงานกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 11.14 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2565 โดยได้รับการสนับสนุนจากกำลังการผลิตดำเนินงานเพิ่มเติม (หลักๆ จากโครงการ IPP) Gulf SRC และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ผลกระทบด้านลบของราคาก๊าซสูงยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ และได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ IPP
และปรับราคาเป้าหมายของหุ้น GULF เพิ่มขึ้น โดยเปลี่ยนมาใช้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF สิ้นปี 2566 สู่ 63 บาทต่อหุ้น ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าของกำลังการผลิตที่ยืนยันแล้ว บวกกับมูลค่าของ INTUCH และ SPCG ซึ่งอิงกับราคาเป้าหมายของ Consensus โดยที่ยังไม่รวมโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจดิจิทัลและโครงการ Jackson Generation
สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่ต่ำกว่าคาด แต่ผลงานที่ดีเยี่ยมของ GULF ในการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้ จะช่วยลดความเสี่ยงนี้
- ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำของโครงการโรงไฟฟ้า SPP ให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและต้นทุนเชื้อเพลิงสูง และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP