เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ในช่วง 4Q64 จนถึงปี 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 ที่ผ่านราคาหุ้น GULF ปรับตัวขึ้น 8.0%MoM สู่ระดับ 40.75 บาท ดีกว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 1.9%MoM สู่ระดับ 1,641.52 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่ากำไร 4Q64 ของ GULF จะปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (BKR2) โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากความเร็วลมในทะเลเยอรมนีที่จะกลับสู่ระดับปกติหลังจากต่ำกว่าระดับปกติอย่างมากใน 2Q64
รวมถึงโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 (กำลังการผลิต 625 MW) ได้เริ่มดำเนินงานแล้วในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ดีรายได้เงินปันผลมีแนวโน้มลดลง QoQ จากระดับสูงผิดปกติใน 3Q64 แต่จะได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากการถือหุ้น 42.25% ใน INTUCH
มุมมองระยะยาว:
SCBS มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2565 โดยคาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโต 66%YoY สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท หลังจากเติบโตก้าวกระโดดในปี 2564 โดยได้รับการสนับสนุนจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้า 2 หน่วยแรกของ GSRC ซึ่งเริ่มดำเนินงานใน 1Q64 และ 4Q64 รวมถึงมีโรงไฟฟ้าอีก 2 หน่วยที่เหลือจะเริ่มดำเนินงานในเดือนมีนาคมและตุลาคม 2565
นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งหลักๆ มาจากฐานต่ำผิดปกติของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (BKR2) และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong ในเวียดนาม ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนกำไรอีกอย่างหนึ่งคือ ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH หลัง GULF ถือหุ้นเพิ่มเป็น 42.25% ซึ่งคาดว่าจะสร้างส่วนแบ่งกำไรราว 4.75 พันล้านบาท
GULF ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเป็น 30% ของกำลังการผลิตรวมภายในปี 2573 (จากปัจจุบันอยู่ที่ 6%) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2608
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2565 ของ GULF คือการลงทุนในธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตได้ดีภายใต้ความร่วมมือกับ Singtel และ ADVANC โดย GULF คาดว่าความต้องการใช้ Data Center ในประเทศจะเพิ่มขึ้น CAGR 22% ในระยะ 10 ปีข้างหน้า โดย GULF จะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าให้กับ Data Center โดยส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานหมุนเวียน