×

ราคาหุ้น GULF พุ่งทำนิวไฮ หลังคว้าใบอนุญาตนำเข้า LNG

โดย SCB WEALTH
21.05.2020
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

เช้าวันนี้ (21 พฤษภาคม) บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จำนวน 3 แสนตันต่อปี 

 

โดยบริษัทฯ จะจำหน่ายก๊าซธรรมชาติปริมาณดังกล่าวให้แก่โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 19 โครงการของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยการได้ใบอนุญาต Shipper นี้จะช่วยให้ GULF สามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ได้ และช่วยต้นทุนการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของบริษัทลดลง

 

นอกจากนี้ GULF ยังแจ้งว่า บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง (HKH) ซึ่ง GULF ถือหุ้น 49% ได้รับใบอนุญาต Shipper ดังกล่าวเช่นเดียวกัน ในปริมาณ 1.4 ล้านตันต่อปี เพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหินกอง ซึ่งมีกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ของโรงไฟฟ้าหินกองลดลงเช่นกัน

 

กระทบอย่างไร:

เช้าวันนี้ราคาหุ้น GULF ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ 41.50 บาท ก่อนจะปรับตัวลงมาปิดที่ระดับ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.64%DoD พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นตลอดทั้งวัน

 

มุมมองระยะสั้น:

SCBS มองว่า การได้ใบอนุญาต Shipper ทั้งสองของ GULF ในครั้งนี้จะช่วยให้ต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตไฟฟ้าของบริษัทต่ำลง โดยปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกอยู่ที่ 2-3 เหรียญต่อล้านบีทียู (หรือประมาณ 64-95 บาทต่อล้านบีทียู) ขณะที่ต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติของบริษัทใน 1Q63 อยู่ที่ 267.38 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทรับซื้อจาก บมจ.ปตท. (PTT)

 

การได้ใบอนุญาต Shipper ของ GULF ในครั้งนี้ SCBS มองว่า จะช่วยเสริมสร้างการบริหารต้นทุนด้านผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้น และจะทำให้บริษัทมีอัตรากำไรหรือศักยภาพทำกำไรที่ดีขึ้น รวมถึงจะช่วยให้บริษัทมีอำนาจในการต่อรองทางธุรกิจกับกลุ่ม PTT มากขึ้น ทั้งนี้ ต้องติดตามว่า GULF จะเริ่มสามารถนำเข้าก๊าซธรรมชาติเองได้เร็วมากน้อยเพียงใดหลังจากที่ได้ใบอนุญาตแล้ว ซึ่งหากมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนและรวดเร็ว จะเป็นปัจจัยช่วยหนุนต่อราคาหุ้นในระยะสั้น

 

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น GULF ยังคงซื้อขายด้วยมูลค่า (Valuation) ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังและติดตามการเคลื่อนไหวของบริษัทอย่างใกล้ชิด

 

มุมมองระยะยาว:

ในระยะยาว GULF ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตสุทธิในปี 70 ที่ระดับ 7.7 พันเมกะวัตต์จากปัจจุบัน 2.7 พันเมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ มีนาคม 2563) โดย GULF จะมุ่งเน้นเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับโรงไฟฟ้า IPP สู่ระดับ 6.07 พันเมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 1.36 พันเมกะวัตต์

 

สำหรับโครงการถัดไปที่จะ COD คือ โรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong เฟส 1 ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะ COD ในเดือน พฤษภาคม 2563 (เดิมคาดว่าจะ COD ในสิ้นปีนี้) ทั้งนี้ ต้องติดตามว่าโครงการอื่นๆ จะถูกเลื่อนการ COD ออกไปหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจส่งผลกระทบการก่อสร้างของโครงการอื่นๆ ได้

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

%DoD คือ % การเปลี่ยนเมื่อเทียบกับวันทำการก่อนหน้า

 

 


ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X