เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q65 ของ บมจ. จีเอฟพีที ( GFPT ) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 11 สิงหาคม 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GFPT ปรับตัวลดลง 10.73%MoM อยู่ที่ระดับ 15.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 1.79%MoM อยู่ที่ระดับ 1,546.31 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 2Q65:
SCBS คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126%YoY แต่ลดลง 10%QoQ หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 29 ล้านบาทออกไป คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151%YoY และ 9%QoQ จากยอดขายที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น และส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้น YoY
สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 2Q65 มีดังนี้
- ยอดขาย: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%YoY และ 5%QoQ โดยการเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากธุรกิจอาหารที่ปรับตัวดีขึ้น (ปริมาณการขายส่งอออกโดยตรงเพิ่มขึ้นและราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้น) และการเพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากธุรกิจฟาร์มที่ดีขึ้น (ยอดขายไก่มีชีวิตให้กับ GFN เพิ่มขึ้น)
สำหรับราคา GFPT จะได้รับประโยชน์จากราคาผลิตภัณฑ์ส่งออกและในประเทศที่สูงขึ้นสอดคล้องกับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ใน 2Q65 ราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างโครงไก่ในประเทศเพิ่มขึ้น 60%YoY และ 20%QoQ
- ปริมาณการขาย: คาดการณ์ปริมาณการขายส่งออกโดยตรงที่ 7,700 ตัน (เพิ่มขึ้น 51%YoY แต่ทรงตัว QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากเครื่องจักรใหม่ที่ทำให้บริษัทสามารถรับคำสั่งซื้อเพิ่มจากญี่ปุ่นและยุโรป
อย่างไรก็ตาม SCBS คาดว่าปริมาณการขายส่งออกทางอ้อมให้กับ McKey และปริมาณการขายไก่ในประเทศจะอ่อนตัวลง เนื่องจาก GFPT ได้จัดสรรไก่เพื่อรองรับการส่งออกโดยตรง และ McKey มีการจัดหาแหล่งไก่จากภายนอกเพิ่มมากขึ้น และราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับธุรกิจฟาร์ม คาดว่ายอดขายไก่มีชีวิตให้กับ GFN จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยเกิดจากการปรับราคาเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นหลังจากคนงานของ GFN กลับเข้ามาทำงานหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย
- อัตรากำไรขั้นต้น: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 14.8% จาก 10.2% ใน 2Q64 และ 14.2% ใน 1Q65 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นและยอดขายส่งออกผลิตภัณฑ์ปรุงสุกที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่เพิ่มขึ้น จะมากเกินพอชดเชยต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น
โดยปกติแล้ว GFPT จะเก็บสต๊อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ไว้ราว 3 เดือน ขณะที่ราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้าในตลาด Spot ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ส่วนแบ่งกำไร: คาดว่าจะอยู่ที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68%YoY แต่ลดลง 17%QoQ โดยเกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้น YoY จาก GFN ที่ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น แต่ลดลง 12%QoQ จากต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก McKey ลดลงสู่ 80 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบัน ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนกว้างขึ้น โดยราคาไก่มีชีวิตปรับเพิ่มขึ้น 60%YoY และ 19%QoQ และผลิตภัณฑ์พลอยได้โครงไก่ในประเทศเพิ่มขึ้น 100%YoY และ 13%QoQ ในขณะที่ราคาข้าวโพดในประเทศและราคากากถั่วเหลืองนำเข้าในตลาด Spot ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใน 3Q65TD
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS คาดว่าผลประกอบการ 3Q65 จะฟื้นตัวจากขาดทุนใน 3Q64 มามีกำไร โดยเกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เพราะยอดขายส่งออกที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงจะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรใหม่ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับต้นทุนที่กว้างขึ้น
และจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ เนื่องจากปริมาณการขายส่งออกที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลจะช่วยชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก McKey ที่ลดลงสืบเนื่องมาจากการเริ่มเดินเครื่องจักรใหม่ (ใช้เวลาประมาณ 1-2 ไตรมาสในการเพิ่มการผลิตให้ถึงระดับคุ้มทุน)
ส่วนราคาไก่เนื้อในประเทศและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม ประกอบกับการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของสายการผลิตใหม่ จะช่วยสนับสนุนให้ GFPT รายงานกำไรปี 2565 เติบโตดีที่สุดในกลุ่มอาหาร
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตาม คือแรงกดดันเงินเฟ้อต่ออุปสงค์และต้นทุน และการควบคุมราคาผลิตภัณฑ์โดยรัฐบาล
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP