เกิดอะไรขึ้น:
คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เตรียมประกาศมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนธันวาคม 2564 เพื่อให้มีผลใน 1Q65 โดยมาตรการที่บอร์ดอีวีจะเสนอมี 2 กลุ่มดังนี้
- กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการสนับสนุนในสัดส่วนมาก โดยลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% จากปัจจุบัน 8% และได้ส่วนลดภาษีศุลกากรในส่วนอากรขาเข้าสูงสุด 80% รวมถึงให้ส่วนลด 20% จากราคาเต็มซึ่งเงินอุดหนุนดังกล่าวมาจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศ
- กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเกิน 2 ล้านบาทจะได้รับส่วนภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% จาก 8% และได้ส่วนลดภาษีศุลกากรในส่วนอากรขาเข้าสูงสุด 20% ในระยะเวลา 2 ปี แต่รถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มนี้จะไม่ได้การสนับสนุนเรื่องส่วนลดจากราคาเต็ม
มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศต่ำลงในระยะเวลา 5 ปีนับจากปี 2565 เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ทั้งนี้การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศจะมีเงื่อนไขคือ ค่ายรถที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจะต้องมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศชดเชยภายใน 2 ปี โดยมีการกำหนดสัดส่วน 1 ต่อ 1.5 เท่า คือ หากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ 1 คัน จะต้องผลิตชดเชยในประเทศที่ 1.5 คัน รวมทั้งต้องใช้แบตเตอรี่รถยนต์ และชิ้นส่วนสำคัญของรถอีวีอื่น เช่น PCU และ Traction Motor ที่ผลิตในไทยตามระยะเวลาที่กำหนด
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (16 ธันวาคม) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นนำโดย ราคาหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ปรับตัวขึ้น 15.29%DoD สู่ระดับ 98.00 บาท และราคาหุ้น บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ปรับตัวขึ้น 3.72%DoD สู่ระดับ 19.50 บาท ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ (SETAUTO) ปรับตัวขึ้น 0.48% ซึ่งยังตอบสนองไม่มากนักต่อประเด็นนี้
มุมมองต่อมาตรการ:
SCBS มองเรื่องนี้เป็นประเด็นบวกนี้ต่อกลุ่มยานยนต์เพราะไม่ได้มีมาตรการสนับสนุนผู้ซื้อรถมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วนับตั้งแต่โครงการรถคันแรกเมื่อปี 2554 และเป็นการทำให้แนวทางของประเทศไทยในการพัฒนาประเทศขึ้นเป็น EV Hub ของอาเซียนมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกโดยรวมต่อห่วงโซ่อุปทานของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Supply Chain)
ในเบื้องต้น SCBS มองว่าจะต้องรอความชัดเจนในรายละเอียดอีกครั้งเพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และการดำเนินงานของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่อไป
