×

ERW – การดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นจะหนุนให้กลับมามีกำไรใน 4Q65

27.12.2022
  • LOADING...
หุ้น ERW

เกิดอะไรขึ้น:

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 12 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 10.3 ล้านคน ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นที่ 4.6 ล้านคนใน 4Q65TD เทียบกับ 3.6 ล้านคนใน 3Q65 

 

โดย ททท. คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 11.5 ล้านคนในปี 2565 (29% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และ 20 ล้านคนในปี 2566 (50% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ททท. เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในตลาดใหม่อย่างประเทศอินเดียและซาอุดีอาระเบีย และคาดว่าจีนจะอนุญาตให้พลเมืองเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยวได้ภายในปลาย 1Q66 หรืออาจจะเร็วกว่านั้นคือช่วงตรุษจีนเดือนมกราคม 2566 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


สำหรับการดำเนินงานของ ERW แข็งแกร่งใน 4Q65 อัตราการเข้าพักโรงแรมไม่รวม HOP INN ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต (Budget Hotel) เพิ่มขึ้นจาก 67% ใน 3Q65 สู่ 78% ในเดือนตุลาคม และ 80% ในเดือนพฤศจิกายน และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR) เพิ่มขึ้น ~8% จาก 3Q65 ส่งผลทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) เติบโต ~30% จาก 3Q65 โดยสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ ~9% 

 

ขณะที่ความกังวลในระยะสั้นคือ ต้นทุนค่าสาธารณูปโภค (~7% ของรายได้) ที่เพิ่มขึ้นสืบเนื่องมาจากการปรับค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 18% สำหรับงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 และ 21% สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 InnovestX Research คาดว่าผลกระทบจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นจะมีจำกัด เนื่องจากรายได้จะเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว โดยประเมินว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น 1-2% จะสามารถชดเชยผลกระทบจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้

 

ด้านผู้เล่นใหม่ในกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต โดย CPN ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย วางแผนพัฒนาโรงแรม 37 โครงการ ใน 27 จังหวัด ในปี 2565-2569 ในจำนวนนี้มี 25 โครงการอยู่ในกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ต ภายใต้แบรนด์ GO! Hotel โดย CPN ได้เปิดโรงแรม GO! Hotel แห่งแรกไปแล้วในเดือนธันวาคม ที่ตำบลบ่อวิน จังหวัดชลบุรี 

 

InnovestX Research มองว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายระหว่าง GO! Hotel กับ HOP INN แตกต่างกัน เนื่องจากอัตราค่าห้องพักสำหรับ GO! Hotel อยู่ที่ ~1,000 บาทต่อคืน สูงกว่า HOP INN ที่มีอัตราค่าห้องพักอยู่ที่ ~600 บาทต่อคืน HOP INN เป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีอยู่ 48 แห่ง (3,940 ห้อง) ใน 36 เมือง 

 

อย่างไรก็ตาม ERW ยังคงเป้าหมายมีโรงแรม HOP INN 100 แห่ง (ทั้งที่เป็นเจ้าของเองและรูปแบบแฟรนไชส์) ภายในปี 2568 ซึ่งจะส่งผลทำให้สัดส่วน EBITDA จากโรงแรม HOP INN ปรับเพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2562 สู่ 40% ในปี 2568 

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น ERW ปรับเพิ่มขึ้น 3.30%MoM สู่ระดับ 4.38 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.42%MoM อยู่ที่ระดับ 1,617.55 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการและกลยุทธ์การลงทุน:

การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกำลังเร่งตัวขึ้นพร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งมองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เป็นบวกจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ ERW 

 

InnovestX Research คาดว่าผลประกอบการของ ERW จะปรับตัวดีขึ้นจากขาดทุนปกติ 2.0 พันล้านบาท ในปี 2564 สู่ขาดทุนปกติ 388 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทจะมีกำไรปกติ 90 ล้านบาท ใน 4Q65 โดยจะเป็นกำไรรายไตรมาสครั้งแรกนับตั้งแต่ 1Q63 และหลังจากนั้นจะพลิกกลับมามีกำไรปกติ 198 ล้านบาท ในปี 2566 และ 600 ล้านบาท ในปี 2567 

 

ส่วนราคาหุ้น ERW ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 46%YTD ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามุมมองเชิงบวกต่อการเปิดประเทศไทยสะท้อนในราคาหุ้นไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ดี InnovestX Research เชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งพร้อมกับการฟื้นตัวของผลประกอบการ และความคืบหน้าในการเปิดประเทศของจีนจะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยให้คำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนที่ Outperform สำหรับ ERW ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 5 บาทต่อหุ้น อิงกับ EV/EBITDA 13 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง และ 2. ต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising