×

หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – ยอดขายจะกลับมาเติบโตในปี 2567 หลังจากชะลอตัวลงใน 4Q66

04.01.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

ใน 4Q66 คาดยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์น่าจะลดลง 2%YoY (เทียบกับ เพิ่มขึ้น 5.9%YoY ใน 4Q65 และลดลง 0.8%YoY ใน 3Q66) เพราะได้รับผลกระทบจาก

 

  1. กำลังซื้อที่เปราะบางจากผู้มีรายได้น้อย และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ซบเซาจากผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง

 

  1. รายได้ภาคเกษตรที่อ่อนตัวลง เนื่องจากรายได้เกษตรกรลดลง 4%YoY ในเดือนพฤศจิกายน 2566 จากการหดตัวของผลผลิต (ลดลง 3%YoY) และราคา (ลดลง 1%YoY)

 

  1. ภาวะที่ราคาอาหารปรับตัวลดลง ดังเห็นได้จากราคาสุกรและไก่เนื้อที่ลดลง 35%YoY และ 15%YoY ตามลำดับ ใน 4Q66) ยอดขายสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ชะลอตัวลง ตามทิศทางกิจกรรมการก่อสร้างที่ชะลอตัวลง จากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐที่ลดลง (ลดลง 58%YoY ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566) สืบเนื่องมาจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณปี 2567 (เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) และราคาเหล็กที่ลดลง

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ใน 4Q66 ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศ (ใช้ราคาเหล็กเส้นในประเทศเป็นตัวชี้วัด) ลดลง 11%YoY และ 3%QoQ และราคาเหล็กโครงสร้าง (ใช้ราคาเหล็กตัวซีในประเทศเป็นตัวชี้วัด) ลดลง 8%YoY และ 1%QoQ ปัจจัยลบเหล่านี้ไปหักล้างจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นสู่ 8 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 48%YoY) ใน 4Q66

 

ด้านยอดขายสาขา (SSS) ของผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าจำเป็นมีแนวโน้มที่จะเติบโต 1%YoY ใน 4Q66 โดยได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ในขณะที่ SSS ของผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มที่จะหดตัว 6%YoY เพราะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และการที่ประชาชนส่วนหนึ่งเลื่อนการใช้จ่ายในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพื่อรอโครงการ Easy e-Receipt ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567

 

ในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมดในกลุ่มพาณิชย์ InnovestX Research คาดว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายสาขา (SSS) ได้จาก CPALL (เพิ่มขึ้น 3.5%YoY) และ CPAXT (เพิ่มขึ้น 2%YoY จากธุรกิจ B2B และเพิ่มขึ้น 5%YoY จากธุรกิจ B2C) ในขณะที่คาดว่า SSS ของผู้ประกอบการรายอื่นๆ จะหดตัวลง ลดลง 2%YoY จาก BJC, ลดลง 2.7%YoY (ค่าเฉลี่ยอย่างง่ายแยกตามธุรกิจ) จาก CRC, ลดลง 8% YoY จาก HMPRO และลดลง 12%YoY จาก GLOBAL

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับขึ้น 3.76%, ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 4.69% และราคาหุ้น CPAXT ปรับขึ้น 4.72% ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 3.57%

 

แนวโน้มผลประกอบการ 2566:

 

4Q66 คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มพาณิชย์จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2566 โดยกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น (การขยายสาขาช่วยชดเชย SSS ที่หดตัวลง) และมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง (ลดลง 15%YoY และ 10%QoQ) ท่ามกลางยอดขายที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ในบรรดาผู้ประกอบการทั้งหมด คาดว่า CPALL และ CPAXT จะรายงานโมเมนตัมกำไรเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ) หลักๆ เกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้นในเดือนเมษายน 2566 HMPRO และ GLOBAL มีแนวโน้มที่จะรายงานโมเมนตัมกำไรอ่อนแอที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ (ลดลง YoY แต่ค่อนข้างทรงตัว QoQ) เพราะได้รับผลกระทบจาก SSS ที่หดตัวลงลึกกว่ากลุ่ม

 

หุ้นเด่นกลุ่มพาณิชย์เลือก CPALL (เรตติ้ง Outperform, ราคาเป้าหมาย 74 บาท) และ CPAXT (เรตติ้ง Outperform, ราคาเป้าหมาย 35 บาท) เนื่องจากเป็น

 

  1. หุ้น Laggard ของกลุ่มพาณิชย์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

 

  1. กำไร 4Q66 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง

 

  1. กำไรปี 2567 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนหลักจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงใน 1H67 นอกจากนี้ยังชอบ CRC เพราะยอดขายมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ Easy e-Receipt มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือการบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising