เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า ‘อาจยื่นคำร้อง’ ต่อศาลปกครองกรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีมติอนุมัติให้ปรับปรุงเงื่อนไขเอกสารคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้นำคะแนนข้อเสนอทางเทคนิคเข้ามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาร่วมกับข้อเสนอทางการเงินด้วยในสัดส่วน 30% เนื่องจากทาง BTS เห็นว่า การปรับหลักเกณฑ์เกิดขึ้นหลังจากจำหน่ายเอกสารการประมูลแล้ว ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อเอกชนรายอื่น
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (17 กันยายน) ราคาหุ้น BTS ไม่เคลื่อนไหวมากนัก และปิดช่วงเช้าที่ระดับ 10.20 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า เช่นเดียวกันกับราคาหุ้น บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่ปิดช่วงเช้าเท่ากับเมื่อวานนี้ที่ระดับ 8.95 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าประเด็นนี้อาจส่งผลต่อการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก โดยประเมินเป็น 2 กรณีดังนี้
- กรณีที่ศาลปกครองไม่รับฟ้องคดีนี้ จะทำให้การประมูลจะเดินหน้าต่อไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งกรณีนี้จะส่งผลดีต่อ BEM
- กรณีเลวร้ายสุด หากศาลปกครองรับคำร้อง มีโอกาสทำให้การประมูลล่าช้าออกไป แต่อย่างไรก็ดี SCBS มองว่าประเด็นนี้จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น BTS และ BEM อย่างจำกัด เนื่องจาก SCBS เชื่อว่านักลงทุนยังไม่ได้เก็งกำไรในหุ้น 2 ตัวนี้
อย่างไรก็ดี หากกรณีนี้เกิดขึ้น จะทำให้หุ้นกลุ่มขนส่งทางบกขาดปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น และจะส่งผลให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกข้าง (Sideways)
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่า BEM จะชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญในด้านการดำเนินงานทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและยกระดับ รวมถึงพันธมิตรธุรกิจอย่าง บมจ.ช.การช่าง (CK) ก็มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างใต้ดิน
สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะใช้ลงทุนในโครงการนี้ BEM เปิดเผยว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.55 เท่า ซึ่งต่ำกว่า Debt Covenant อยู่ที่ 2.5 เท่า ทั้งนี้หนี้บางส่วนจากโครงการจะไม่ถูกนำมารวมกับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน เช่น หนี้จากงานโยธาจำนวน 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลจะชำระหนี้ส่วนนี้หลังก่อสร้างครบ 3 ปี
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า