เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ของ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 10 พฤษภาคม 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น BJC ปรับลดลง 3.47%MoM อยู่ที่ระดับ 34.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.48%MoM สู่ระดับ 1,685.86 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 1Q65:
SCBS คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 1.15 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%YoY แต่ลดลง 17%QoQ หากไม่มีรายการพิเศษ กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.15 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%YoY แต่ลดลง 16%QoQ กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY จะได้รับการสนับสนุนจากยอดขาย รายได้ค่าเช่า รายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายที่ลดลง ขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ จะเป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาล
สำหรับยอดขายใน 1Q65 คาดว่าจะเติบโต 8%YoY สู่ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (MSC) มีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSS) และการขยายสาขา ทำให้ SSS น่าจะเติบโต 3%YoY สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เนื่องจากโควิดมีผลกระทบน้อยลงท่ามกลางการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรในวงกว้าง และการผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ (คนละครึ่ง เราชนะ และเรารักกัน)
โดยยอดขายสาขาเดิม (SSS) มีแนวโน้มที่จะเติบโตในร้านค้าทุกรูปแบบ โดยเฉพาะร้านค้าที่มีขนาดเล็ก (มินิบิ๊กซี และซูเปอร์มาร์เก็ต) เนื่องจากยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสดและอาหารแห้งจะเติบโตมากเกินพอชดเชยยอดขายสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหารที่หดลดลง ทั้งนี้ ใน 1Q65 จึงคาดว่า BJC มีการเปิดมินิบิ๊กซี (หลังจากหักสาขาที่ปิดออกไปแล้ว) เพิ่มอีก 38 สาขา ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทมีจำนวนสาขารวมทั้งหมด 1,752 สาขา ณ สิ้น 1Q65
ส่วนยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (PSC) คาดจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก YoY โดยเกิดจากยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋องอะลูมิเนียมที่ดีขึ้น และยอดขายกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค (CSC) จะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY โดยเกิดจากยอดขายธุรกิจอาหาร ธุรกิจอุปโภค และธุรกิจต่างประเทศที่ดีขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้นใน 1Q65 คาดจะลดลง 30bps YoY สู่ 18.8% โดยเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลงในกลุ่ม PSC จากต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบโซดาแอชที่สูงขึ้นสำหรับบรรจุภัณฑ์แก้ว และการปรับราคาผลิตภัณฑ์ได้ช้ากว่าต้นทุนวัตถุดิบอะลูมิเนียมที่สูงขึ้นสำหรับบรรจุภัณฑ์กระป๋องอะลูมิเนียม และในกลุ่ม CSC จากต้นทุนวัตถุดิบ (เยื่อกระดาษ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว) ที่สูงขึ้น และการจัดจำหน่ายสินค้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำของยูนิชาร์มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2Q64
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลงของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะไปหักล้างอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม MSC จากยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารสดที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมการขายและสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น
ด้านรายได้อื่นใน 1Q65 คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขาย จะอยู่ที่ 20% ลดลง 70bps YoY เพราะค่าใช้จ่าย SG&A (ค่าใช้จ่ายการตลาด) จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่ายอดขาย รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นน่าจะเติบโต 5%YoY เนื่องจากการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าลดลงจะมากเกินพอชดเชยอัตราการเช่าพื้นที่ที่ลดลงเล็กน้อย ขณะที่อัตราภาษีน่าจะอยู่ที่ 10% ไม่เปลี่ยนแปลง YoY
แนวโน้มธุรกิจในปี 2565:
SCBS ประเมินผลประกอบการใน 2Q65TD โดยคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSS) จะเติบโต YoY ในอัตราเร่งตัวมากกว่า 3%YoY ใน 1Q65 ด้วยแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ ดังนั้น จึงคาดว่ากำไร 2Q65 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขาย รายได้ค่าเช่า และรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
สำหรับผลประกอบการในปี 2565 คาดกำไรปกติจะเติบโต 28%YoY โดยใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากันกับเป้าของ BJC (บริษัทวางแผนรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับทรงตัว YoY) แต่ใช้สมมติฐานยอดขายและรายได้ค่าเช่าที่อนุรักษนิยมมากกว่าเป้าของบริษัท (บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตในระดับ Low to Mid-teen YoY และรายได้ค่าเช่ามีแนวโน้มเติบโตในระดับ High Teen YoY)
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ต้องติดตาม คือสถานการณ์โควิดเลวร้ายลง ซึ่งจะส่งผลทำให้รัฐบาลนำข้อจำกัดต่างๆ กลับมาใช้อีกครั้ง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
