เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q65 ของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ไม่เปลี่ยนแปลง MoM อยู่ที่ระดับ 29.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.81%MoM อยู่ที่ระดับ 1,597.49 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 3Q65:
InnovestX Research คาดว่า BDMS จะรายงานกำไรปกติ 2.8 พันล้านบาท ใน 3Q65 เพิ่มขึ้น 20%YoY และ 6%QoQ กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY หลักๆ เกิดจากรายได้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดขณะที่กำไรที่เติบโต QoQ เกิดจากรายได้ที่สูงขึ้นและ EBITDA Margin ที่กว้างขึ้น
สำหรับสมมติฐานที่สำคัญในผลประกอบการ 3Q65:
- รายได้จากกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 2.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%YoY และ 4%QoQ โดยรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดจะอยู่ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%YoY และ 8%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากผู้ป่วยคนไทยและผู้ป่วยต่างชาติ
BDMS เปิดเผยว่ารายได้จากบริการผู้ป่วยต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ ~95% ของระดับก่อนเกิดโควิดในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม (เทียบกับ 90% ใน 2Q65, 24% ของรายได้ 2Q65) เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Fly-In Patient) จากตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศ CLMV เข้ามามากขึ้นหลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากบริการโควิดที่ชะลอตัวลง InnovestX Research คาดว่ารายได้จากบริการโควิดจะลดลง 60%YoY และ 25%QoQ สู่ 1.9 พันล้านบาท (9% ของรายได้ที่คาดการณ์ใน 3Q65)
- EBITDA Margin จะอยู่ที่ 24% ใน 3Q65 ลดลงจาก 25.4% ใน 3Q64 เพราะมาร์จิ้นสูงผิดปกติในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดรุนแรงที่สุด แต่เพิ่มขึ้นจาก 23.4% ใน 2Q65 เนื่องจากเชื่อว่ารายได้ที่สูงขึ้นจะสามารถชดเชยค่าใช้จ่ายพนักงาน (28% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) ที่เพิ่มขึ้น โดยในเดือนกรกฎาคม BDMS ได้เพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานอีก 3-4% เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
เมื่ออิงกับพรีวิว 3Q65 ดังกล่าว InnovestX Research เล็งเห็น Upside อยู่บ้าง เนื่องจากกำไรงวด 9M65 จะคิดเป็น 81% ของประมาณการกำไรปี 2565 และคาดว่ากำไรปกติ 4Q65 จะเติบโต YoY แต่จะลดลง QoQ เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่มีการปรับปรุงค่าใช้จ่ายตอนสิ้นปี
ในปี 2565 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 43% สู่ 1.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดโดยได้รับการสนับสนุนจากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด และบริการผู้ป่วยต่างชาติที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยชดเชยบริการโควิดที่ชะลอตัวลง จากนั้นจะเติบโต 15% ในปี 2566
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับหุ้น BDMS ให้คำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือนที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 31 บาทต่อหุ้น และ BDMS เป็นหุ้นเด่นกลุ่มการแพทย์
ทั้งนี้ BDMS ยังคงมีแนวโน้มระยะยาวที่ดี โดยการเพิ่มจำนวนเตียงและธุรกิจใหม่ (รวมถึงบริการด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ศูนย์เฉพาะทาง และบริการ Wellness) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2565-2566 คือการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ป่วยประเภท Fly-In และผู้ป่วยกลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดย BDMS คาดว่ารายได้จากบริการผู้ป่วยต่างชาติจะเพิ่มขึ้นถึงระดับก่อนเกิดโควิดใน 4Q65
ส่วนปัจจัยเสี่ยง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ต้องติดตาม เช่น การเกิดโรคระบาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม BDMS ได้รับการคัดเลือกในฐานะหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment: THSI) ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเพื่อควบคุมผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- ทองคำ กำลังไหลเข้าเอเชีย ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่กำลังขึ้นต่อเนื่อง
- เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี