×

BCP – 4Q66 ขาดทุนสุทธิน้อยกว่าคาด

23.02.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานขาดทุนสุทธิ 977 ล้านบาทใน 4Q66 ดีกว่าคาด และเป็นผลมาจาก GRM ที่ลดลง บวกกับขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจ E&P ที่ 2.2 พันล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออกไปพบว่า BCP มีกำไรปกติ 1.3 พันล้านบาท GRM ที่ลดลงและขาดทุนสต็อกในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและกลุ่มธุรกิจการตลาดเป็นตัวฉุดรั้งผลการดำเนินงาน 4Q66 ซึ่งถูกชดเชยโดยธุรกิจ E&P (ไม่รวมรายการด้อยค่าของสินทรัพย์) จากราคาก๊าซที่สูงขึ้น 

 

กำไรสุทธิปี 2566 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.2%YoY) เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 40% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กำไรปกติอยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท (ลดลง 23%YoY) เนื่องจาก GRM สูงผิดปกติในปี 2565 

 

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและกลุ่มธุรกิจการตลาดเป็นตัวฉุดรั้งผลการดำเนินงาน 4Q66 โดยมีสาเหตุมาจาก GRM ที่ลดลงและขาดทุนสต็อก GRM รวม (รวมผลกระทบของการขาดทุนสต็อกและกำไรจากสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า) ลดลง 57%QoQ สู่ 7.38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 11%YoY ซึ่งถูกชดเชยโดยปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่เพิ่มขึ้น 4%QoQ สู่ 120.8kbd หลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงใน 3Q66 เพื่อเตรียมผลิตผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานยูโร-5 ขาดทุนสต็อก ส่วนใหญ่ถูกชดเชยโดยกำไรจากสัญญาซื้อ-ขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า แต่ยังต่ำกว่ากำไรสต็อกสุทธิที่ 2.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 3Q66 ค่อนข้างมาก 

 

ด้านกลุ่มธุรกิจการตลาดน้ำมันได้รับผลกระทบจากค่าการตลาดสุทธิที่ลดลง 28%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากขาดทุนสต็อก แม้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 10%QoQ เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยและค่าการตลาดเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 15.5%QoQ สู่ 0.97 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นไตรมาสที่สูงที่สุดในปี 2566) ส่งผลทำให้ EBITDA ของธุรกิจการตลาดลดลง 58%QoQ เพราะ EBITDA Margin ลดลงจาก 2.8% ใน 3Q66 สู่ 1.1% ใน 4Q66 (ต่ำกว่าคาด) 

 

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่สำคัญมีทิศทางคละเคล้ากัน กำไรจากกลุ่มธุรกิจ E&P (ไม่รวมรายการด้อยค่า) ปรับตัวดีขึ้น 17%QoQ เพราะราคาก๊าซสูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 21%QoQ) แต่ปริมาณการขายลดลง 4%QoQ นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ E&P ยังได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 2.2 พันล้านบาทสำหรับโครงการ YME และ Statfjord ด้วย โดยโครงการหลังเข้าซื้อมาในช่วงปลายปี 2566 แต่ปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่ำกว่าที่ประเมินได้ในตอนแรก 

 

กำไรจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพปรับตัวเพิ่มขึ้น 50%QoQ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไบโอดีเซลและธุรกิจเอทานอลสูงขึ้น กำไรของกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดลดลง 21%QoQ เพราะปริมาณการขายของโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ ปรับตัวลดลง แต่ถูกชดเชยบางส่วนโดยยอดขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ

 

กระทบอย่างไร:

 

หลังรายงานผลประกอบการในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้น BCP ปรับขึ้น 0.57% สู่ระดับ 43.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.01% สู่ระดับ 1,402.30 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการ 2567:

 

InnovestX Research คาดว่า GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นและราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรใน 1Q67 ซึ่งคาดว่าปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นจะยังคงสูงใน 1Q67 ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยใน 2H67 โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน แต่จะถูกชดเชยโดยปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่เพิ่มขึ้นที่ BSRC เพื่อรองรับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นที่สถานีบริการน้ำมันของ BCP และการขายเชิงพาณิชย์ กำไรจากกลุ่มธุรกิจ E&P จะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตที่สูงขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากสินทรัพย์ที่ได้มาใหม่ (ถือหุ้น 28% ในแหล่ง Statfjord ที่ดำเนินการโดย Equinor)

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BCP โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 51 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น EV / EBITDA (ปี 2567) ที่ 4.3 เท่า เพราะแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีธุรกิจที่หลากหลาย Valuation ยังไม่แพงที่ P/E <5 เท่า (ปี 2567) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 6-7% 

 

BCP ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายสำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น (XD: วันที่ 6 มีนาคม) ทำให้เงินปันผลรวมทั้งหมดสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 2 บาทต่อหุ้น (อัตราการจ่ายเงินปันผล 21%)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและ GRM ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจส่งผลทำให้ขาดทุนสต็อกเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รายการด้อยค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจ E&P และรัฐบาลเข้าแทรกแซงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X