เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q64 ของ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลง 7.5%MoM อยู่ที่ระดับ 18.40 บาท แย่กว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 2.9%MoM สู่ระดับ 1,705.72 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า BCH จะรายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกำไรสุทธิ 278 ล้านบาท ใน 4Q63 โดยได้แรงหนุนจากรายได้และ EBITDA Margin ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเกิดจากรายได้เพิ่มเติมจากบริการโควิด แต่ลดลง 49%QoQ เพราะกำไรทำสถิติสูงสุดใน 3Q64 อันเป็นผลมาจากรายได้จากบริการโควิดทำจุดสูงสุด ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 2564 จะอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1.3 พันล้านบาทในปี 2563
สมมติฐานที่สำคัญสำหรับพรีวิว 4Q64 คือ
- รายได้จากกิจการโรงพยาบาล อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 112%YoY แต่ลดลง 38%QoQ ปัจจัยสำคัญ คือ รายได้จากบริการโควิดที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 268 ล้านบาทใน 4Q63 แต่ลดลง 57%QoQ เนื่องจากการเข้ารับการรักษาโควิดในโรงพยาบาลกลับสู่ภาวะปกติหลังจากสถานการณ์โควิดเลวร้ายที่สุดใน 3Q64 โดยคิดเป็น 49% ของรายได้ 4Q64 เทียบกับ 71% ใน 3Q64 ซึ่งคาดการณ์รายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดที่ 2.5 พันล้านบาท (เพิ่ม 22%YoY และ 8%QoQ) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้บริการที่เลื่อนมาจาก 3Q64
- EBITDA Margin อยู่ที่ 48.2% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ใน 4Q63 แต่ลดลงจาก 53.7% ใน 3Q64
ด้านราคาหุ้น BCH ปรับตัวลดลงมาแล้ว 31% จากจุดสูงสุดของปี 2564 โดยเทรดที่ PE ปี 2565 ระดับ 29 เท่า (อ้างอิง EPS ที่ไม่รวมบริการโควิด) หรือเท่ากับระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตในปี 2558-2562 ซึ่งบ่งชี้ว่ามุมมองเชิงลบของตลาดต่อทิศทางกำไรหลังจากทำจุดสูงสุดสะท้อนในราคาหุ้นไปค่อนข้างมากแล้ว
ส่วนแนวโน้มกำไร 1Q65 คาดยังเติบโต YoY (จากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ) แต่จะลดลง QoQ (การเข้ารับการรักษาโควิดในโรงพยาบาลกลับสู่ภาวะปกติหลังโควิดคลี่คลาย)
มุมมองระยะยาว:
SCBS ประเมินผลประกอบการในปี 2565 ว่าด้วยฐานที่สูงมากเป็นพิเศษในปี 2564 จะส่งผลทำให้กำไรปกติลดลง 71%YoY อย่างไรก็ดี หากไม่รวมบริการโควิด กำไรของ BCH จะยังคงแข็งแกร่งที่ 1.6 พันล้านบาท ในปี 2565 หรือเติบโต 39% จากปี 2563
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการกลับมาใช้บริการทางการแพทย์ตามปกติแล้ว SCBS เห็นแนวโน้ม Upside ของกำไร สืบเนื่องมาจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่โรงพยาบาลเปิดใหม่ในต่างประเทศ คือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ (เปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2564) ซึ่งมีความต้องการใช้บริการแข็งแกร่ง เนื่องจากมีโรงพยาบาลระดับตติยภูมิเพียงไม่กี่แห่งใน สปป.ลาว
โรงพยาบาลแห่งนี้มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่มีรายได้ประมาณ 26 ล้านบาทต่อเดือนใน 3Q64 เพิ่มขึ้นสู่ประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือนในเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งจะทำให้ถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรสุทธิ โดยคาดว่ากำไรปี 2565-2566 จะมี Upside ราว 5-7% หากโรงพยาบาลแห่งนี้สามารถถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรสุทธิได้เร็วขึ้น 1 ปี เป็นปี 2566 จากที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบันที่ปี 2567
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP