เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) เปิดเผยเป้าหมายธุรกิจในปี 2565 โดยตั้งเป้ารายได้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 21%YoY เนื่องจากรายได้จากบริการโควิด (เช่น บริการตรวจคัดกรอง การเข้ารักษาในโรงพยาบาล และการฉีดวัคซีน Moderna) จะลดลง 67%YoY สู่ 4.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 24% ของรายได้รวมในปี 2565 จากระดับสูงเป็นพิเศษในปี 2564 (58% ของรายได้รวม) เนื่องจากการฉีดวัคซีนได้มากขึ้นจะช่วยลดความรุนแรงของโควิด ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณผู้ป่วยและรายได้เฉลี่ยต่อรายลดลง
ดังนั้นบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดจึงจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในปี 2565 โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 45%YoY หรือคิดเป็นสัดส่วน 76% ของรายได้รวมในปี 2565 สนับสนุนด้วยความต้องการใช้บริการที่ค้างมาจากช่วงก่อนหน้า (Pent Up Demand) ของผู้ป่วยคนไทย ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และความสามารถในการบริการที่กลับคืนมาหลังจากก่อนหน้านี้ถูกสำรองไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นสู่ 1 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 11%YoY) และบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้น (~10% ของรายได้ก่อนเกิดโควิด)
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 พบว่าความต้องการใช้บริการโควิดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น จำนวนการตรวจ RT-PCR เพิ่มขึ้นสู่ ~3,900 ครั้งต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ (จาก ~2,000 ครั้งต่อวันใน 4Q64) อัตราการครองเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นสู่ 85% (จาก 79% ใน 4Q64) และจำนวนเตียงใน Hospitel เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 18,000 เตียง โดยมีอัตราการครองเตียงสูงที่ 80% (จาก 9,500 เตียงใน 4Q64 และอัตราการครองเตียง 26%)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BCH ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.29%MoM สู่ระดับ 20.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 1.48%MoM อยู่ที่ระดับ 1,659.70 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่ากำไร 1Q65 จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY โดยเกิดจากความต้องการใช้บริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดกลับมาสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิดเป็นครั้งแรก (สูงกว่าอยู่ 29%) ใน 4Q64 และรายได้จากบริการโควิดเพิ่มเติม แต่จะอ่อนตัวลง QoQ โดยเกิดจากความรุนแรงของโรคโควิดที่ลดลง จะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อคนไข้ลดลงสำหรับการรักษาโควิด
มุมมองระยะยาว:
SCBS ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนรายได้ที่คาดว่าจะได้รับจากบริการโควิด (จากเดิมที่คาดว่าจะไม่มีรายได้ส่วนนี้) แต่สมมติฐานรายได้รวมที่ 1.57 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขอนุรักษนิยมมากกว่าเป้าของบริษัท ความต้องการใช้บริการโควิดที่ลดน้อยลงในปี 2565-2566 จะส่งผลทำให้กำไรของ BCH ลดลง 49%YoY ในปี 2565 และ 48%YoY ในปี 2566 ซึ่งหากไม่รวมบริการโควิด กำไรจะเติบโต 21%YoY ในปี 2565 และ 16%YoY ในปี 2566
นอกจากนี้กำไรยังมี Upside เพิ่มเติม สืบเนื่องมาจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่โรงพยาบาลเปิดใหม่นอกประเทศไทย คือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้จะเปิดศูนย์เฉพาะทางเพิ่ม เช่น ศูนย์หัวใจ ในเดือนพฤษภาคม และ BCH คาดว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะถึงจุดคุ้มทุนในปี 2565 หรือ 1 ปีหลังจากเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2564
อย่างไรก็ดี SCBS คาดว่ากำไรปี 2565-2566 จะมี Upside ราว 5-8% หากโรงพยาบาลแห่งนี้สามารถถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับกำไรสุทธิได้เร็วขึ้นตามที่บริษัทกำหนดไว้เป็นปีนี้
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP