เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) อัปเดตความคืบหน้าของโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โดยมีประเด็นสำคัญ คือ
- การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) เสร็จไปแล้วกว่า 90% และอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM)
- โครงการนี้จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะช่วยลดความแออัดจากการมีปริมาณผู้โดยสารมาใช้บริการสูงเกินขีดความสามารถในการรองรับที่ราว 65 ล้านคนในปี FY2562
- อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนกันยายน 2566 เลื่อนออกมาจากเดือนเมษายน 2566 เนื่องจาก AOT เชื่อว่ากำหนดการใหม่นี้จะสอดรับกับช่วงที่จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวมากกว่ากำหนดการเดิม
นอกจากนี้ AOT ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ปรับเพิ่มขึ้น 1.04%MoM สู่ระดับ 73.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.99%MoM อยู่ที่ระดับ 1,612.13 จุด
แนวโน้มผลประกอบการ:
ในระหว่างวันที่ 1-24 กันยายน จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT อยู่ที่ 41% ของระดับก่อนเกิดโรคโควิด (เทียบกับ 35% ในเดือนสิงหาคม) และจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศอยู่ที่ 77% ของระดับก่อนเกิดโรคโควิด (เทียบกับ 71% ในเดือนสิงหาคม)
InnovestX Research มองว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การขาดทุนปกติของ AOT ปรับตัวลดลง YoY และ QoQ ใน 4QFY65 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565) โดยคาดการณ์ขาดทุนปกติที่ประมาณ 1 พันล้านบาท และคาดว่าการขาดทุนปกติจะลดลงอย่างต่อเนื่องใน 1Q-2QFY66 (เดือนตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566)
และหลังจากนั้นจะพลิกกับมาทำกำไรได้ใน 3QFY66 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2566) โดยได้แรงหนุนจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ (31 มีนาคม 2566) โดย AOT จะกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร
ขณะที่ในปี FY2565 (เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่าการขาดทุนปกติจะลดลงจาก 1.53 หมื่นล้านบาท ใน FY2564 สู่ 1 หมื่นล้านบาท และจะพลิกกลับมามีกำไรปกติที่ 1.38 หมื่นล้านบาท ในปี FY2566
กลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่สดใสขึ้น และผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้น จะหนุนให้ราคาหุ้น AOT ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หุ้น AOT เทรดต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคโควิด อยู่ 1% ตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยวที่เทรดสูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคโควิด อยู่เฉลี่ย 27% และ SET ที่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคโควิด อยู่ 3%
โดยให้ Tactical Call ระยะ 3 เดือนสำหรับ AOT ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 75 บาทต่อหุ้น
สำหรับ Upside และปัจจัยเสี่ยง Upside คือ จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่ (โครงการ Airport City) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง คือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น โรคระบาดใหญ่ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง และนักท่องเที่ยวจากจีนฟื้นตัวช้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กูรูชี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเขย่าห่วงโซ่การผลิตโลก เตือนไทยมัวแต่เหยียบเรือสองแคม สุดท้ายอาจตกขบวน
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- ต่างชาติแห่ปักหมุด ลงทุนเวียดนาม ยอด FDI พุ่งแซงไทยแบบไม่เห็นฝุ่น สัญญาณบ่งชี้ ไทยเริ่มไร้เสน่ห์?
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP