เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2566 เติบโต 10-15% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10-12% (เทียบกับ 11.4% ในปี 2565) ประเทศไทย: ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ OEM (54% ของยอดขาย): จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการผลิตเพลารถกระบะตามคำสั่งซื้อใหม่ซึ่งเริ่มผลิตในช่วงปลาย 2Q65 (มูลค่ารวม ~1,200 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นจาก 700 ล้านบาทในปี 2565) ได้เต็มปี และคำสั่งซื้อใหม่จาก VinFast ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเวียดนาม (~900 ล้านบาทในปี 2566 จาก ~300 ล้านบาทในปี 2565)
สำหรับข่าวการส่งมอบรถของ VinFast ล่าช้านั้น AH กล่าวว่า การผลิตตามคำสั่งซื้อ VinFast ของบริษัทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โปรตุเกส (15% ของยอดขาย): การดำเนินงานในโปรตุเกสทำกำไรได้เล็กน้อยในปี 2565 (เทียบกับขาดทุน ~100 ล้านบาทในปี 2564) AH คาดว่าการดำเนินงานจะดีขึ้นในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับยานยนต์ที่เติบโตมากขึ้น (ชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปสำหรับโซลาร์รูฟและชิ้นส่วน EV ที่กำลังเติบโต)
ขณะที่ชิ้นส่วน EV: ยอดขายชิ้นส่วน EV อยู่ที่ ~700 ล้านบาทในปี 2565 (3% ของยอดขาย) และจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2566 โดยอิงกับคำสั่งซื้อที่บริษัทมีอยู่ในมือ
ส่วนรายงานข่าวที่ระบุว่า ฮุนได มอเตอร์ (ผู้ผลิตรถยนต์ของเกาหลีใต้) จะเข้ามาดำเนินการจัดจำหน่ายรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของแบรนด์ฮุนไดในประเทศไทยด้วยตัวเองผ่านทางบริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด InnovestX Research คาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนของ AH ในบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (Sojitz Corporation ถือหุ้น 80% และ AH ถือหุ้น 20%) ซึ่งได้รับสิทธิ์จากฮุนได มอเตอร์ ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2549 โดย AH กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้
โดยเมื่อใช้สมมติฐานว่า AH หยุดการดำเนินงานในบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งประเมินว่าจะส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง ~6% ของกำไรปกติในปี 2566 และเชื่อว่าผลกระทบจะลดลงหาก AH ร่วมมือกับฮุนได มอเตอร์ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดในอนาคต
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AH ปรับลดลง 12.61%MoM อยู่ที่ระดับ 26.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 7.80%MoM อยู่ที่ระดับ 1,523.89 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ประมาณการกำไรปกติของ AH จะเติบโต 8% สู่ 1,800 ล้านบาทในปี 2566 โดยอิงกับยอดขายที่เติบโต 3% (เนื่องจากยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในมาเลเซียจะกลับสู่ระดับปกติ) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12.2% สำหรับ 1Q66 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต YoY จากยอดขายสูงขึ้น และการดำเนินงานในโปรตุเกสดีขึ้น แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ
อย่างไรก็ดี ในช่วงสองวันที่ผ่านมาสภาวะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้กดดันให้ราคาหุ้น AH ปรับตัวลดลง 16% มาเทรดที่ P/E ปี 2566 ระดับ 5.0 เท่า เมื่อใช้สมมติฐานกรณีเลวร้ายที่สุดคือ ไม่มีคำสั่งซื้อจาก VinFast และส่วนแบ่งกำไรลดลงจากบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จะส่งผลกระทบ 4 และ 6% ต่อกำไรปกติปี 2566 ของ AH ตามลำดับ
ส่วน Valuation จะอยู่ที่ P/E ปี 2566 ระดับ 5.6 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ได้เห็นในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-2552 และบ่งชี้ว่า ปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นไปค่อนข้างมากแล้ว โดยกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ AH ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 44 บาทต่อหุ้น เพราะผลตอบแทนน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อ
- การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์หยุดชะงัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- สำรวจ 8 หุ้นใหญ่ พอร์ต 6.68 หมื่นล้าน นิติ โอสถานุเคราะห์ บอสใหญ่โอสถสภา
- แกะพอร์ต 10 หุ้น ในมือ สุระ คณิตทวีกุล เจ้าของ COM7 มหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 49