เกิดอะไรขึ้น:
พรีวิว 2QFY66 ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว โดยเชื่อว่ากำไรของ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) ทำจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1QFY66 และจะฟื้นตัว 35%QoQ ใน 2QFY66 (มิถุนายน-สิงหาคม) แต่จะลดลง 8%YoY สู่ 835 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ คาดว่า 1.ECL จะลดลง ขณะที่ NPL จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, 2. กำไรเล็กน้อยจากการขาย NPL, 3. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะอยู่ในระดับทรงตัว เพราะถูกฉุดรั้งโดย NIM ที่ลดลงอันเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และ 4. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่เมื่อเทียบ YoY คาดว่า: 1.ECL จะเพิ่มขึ้น, 2. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะลดลง (NIM ลดลง) และ 3. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี FY2566 ลดลงจาก 6% สู่ 5% เพื่อสะท้อนนโยบายการให้สินเชื่อส่วนบุคคลที่เข้มงวดมากขึ้นใน 1HFY66 เพื่อรับมือกับคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง AEONTS ได้ปรับสัดส่วนสินเชื่อไปยังสินเชื่อบัตรเครดิตมากขึ้น โดยมีสัดส่วนการใช้จ่ายบัตรเครดิตในลักษณะสินเชื่อหมุนเวียนลดลง (สัดส่วนผู้ชำระคืนเต็มจำนวนสูงขึ้น) InnovestX Research คาดว่าสินเชื่อบัตรเครดิตจะเติบโต 5% (เท่ากับเป้าของ AEONTS) และสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโต 5% (ต่ำกว่าเป้าของ AEONTS ที่ 8-10%)
AEONTS วางแผนเปิดตัวบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ใน 3QFY66 โดยตั้งเป้าขยายสินเชื่อ 1 พันล้านบาท ในปี FY2566 จึงคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสู่ 6% ในปี FY2567 และปี FY2568 เพราะถูกฉุดรั้งโดยการดำเนินนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (มีผลใช้บังคับเดือนมกราคม 2567) และการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ (มีผลใช้บังคับปี 2568)
ทั้งนี้ ปรับประมาณการ Credit Cost ปี FY2566 เพิ่มขึ้น 20 bps สู่ 8.2% (เพิ่มขึ้น 35 bps) เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดและคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่องใน 2QFY66 โดยคาดว่า Credit Cost จะค่อยๆ ลดลง 5 bps ในปี FY2567 และปี FY2568 คุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS จะได้รับผลกระทบจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราจ่ายขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 และ 10% ในปี 2568 แต่น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล
สำหรับ NIM เผชิญแรงกดดัน โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น 40 bps จะทำให้ NIM หดตัวลง 84 bos ในปี FY2566 สำหรับปี FY2567 ซึ่งคาดว่า NIM จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากนโยบายแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง (จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนาน 5 ปี) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้น้อย (รายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนสำหรับนอนแบงก์) โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป
ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการแก้หนี้เรื้อรังจะได้รับทางเลือกในการเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (Term Loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (เทียบกับอัตราเพดาน 25%) โดยกำหนดให้การผ่อนชำระปิดจบภายใน 5 ปี AEONTS มีสัดส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 47% ณ 1QFY66 และกล่าวว่าบริษัทมีสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนในสัดส่วน ~5%
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ปรับเพิ่มขึ้น 5.03%MoM สู่ระดับ 167.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.65%MoM สู่ระดับ 1,545.14 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2566:
InnovestX Research คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้กำไรของ AEONTS ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รับแรงกดดันจากมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท. และการทยอยปรับเพิ่มอัตราจ่ายขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต
อย่างไรก็ตาม ได้ปรับประมาณการกำไรปี FY2566 และปี FY2567 ของ AEONTS ลดลงปีละ 8% หลักๆ เกิดจากการปรับประมาณการ Credit Cost เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 180 บาท สู่ 177 บาทต่อหุ้น (PBV 1.65 เท่า และ PE 13.1 เท่า สำหรับปี FY2567) และยังคงเรตติ้ง Neutral
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง
2. ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
3. ความเสี่ยงด้านกฎหมายจากมาตรการลดหนี้ครัวเรือนของ ธปท.