เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ 5 ตุลาคม หลังจากประชุมนักวิเคราะห์กับ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) พบว่า NPL ที่เพิ่มขึ้นใน 2QFY65 เกิดจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และแรงกดดันเงินเฟ้อ คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นในเดือนกันยายน แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 3QFY65
ส่วนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำน่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ใน 4QFY65 โดย Credit Cost ทำจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้วใน 2QFY65 และคาดว่าจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2HFY65 และปี FY66
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
ด้านสินเชื่อที่เติบโต 3.2%YTD ส่วนใหญ่เกิดจากสินเชื่อบัตรเครดิต (เพิ่มขึ้น 7%YTD โดยได้แรงหนุนจากการที่ไทยกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง) แทนที่จะเกิดจากสินเชื่อส่วนบุคคล (เพิ่มขึ้น 1%YTD)
ทั้งนี้ AEONTS วางแผนกระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลจาก 52% ณ 2QFY65 สู่ 53-55% บริษัทจะใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ และคาดว่าต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอีกจะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ เนื่องจากบริษัทได้ล็อกต้นทุนทางการเงินด้วยการออกหุ้นกู้ระยะยาวไว้ค่อนข้างมากแล้ว
นับจากนี้ไปบริษัทวางแผนลดอายุหุ้นกู้ชุดใหม่ลง จากปกติ 3-5 ปี เป็น 1-2 ปี เพื่อให้หุ้นกู้ชุดใหม่ครบกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะสิ้นสุดลง AEONTS มีแหล่งเงินทุนมากกว่าคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทสามารถระดมทุนจากต่างประเทศได้ โดยเฉพาะญี่ปุ่น
และบริษัทตั้งเป้ามีหนี้สูญได้รับคืนจำนวน 900 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13%HoH และ 15%YoY) ใน 2HFY65 สะท้อนถึงการเติบโต 19% ในปี FY65
นอกจากนี้ AEONTS กำลังดำเนินการจัดตั้ง AMC (ธุรกิจใหม่) เพื่อบริหาร NPL ที่ไม่มีหลักประกันที่ซื้อมาจากสถาบันการเงินอื่นๆ บริษัทคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนธันวาคมปีนี้ และจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2566 โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันรายเล็ก
ส่วนในระยะยาว บริษัทวางแผนขยายไปสู่สินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งตลาดใหญ่กว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจ AMC ไว้ที่ 400 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ด้วยอัตรากำไร 10% สะท้อนถึงสัดส่วนกำไรที่ไม่มีนัยสำคัญ
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ปรับเพิ่มขึ้น 0.60%MoM สู่ระดับ 168.00 บาท ดีกว่า SET Index ที่ปรับลดลง 2.44%MoM อยู่ที่ระดับ 1,594.04 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY65 (มีนาคม 2565 – กุมภาพันธ์ 2566) InnovestX Research คาดว่ากำไรในปี FY65 จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 20% หลักๆ ได้แรงหนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง 8 bps การเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้นที่ 8% และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น 19%
โดยใน 2HFY65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH จากแรงหนุนการเติบโตของสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้น การตั้งสำรองลดลง และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้
สำหรับ AEONTS ยังคงเรตติ้ง OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมาย 203 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมี Valuation ถูกที่สุด (PE 9.5 เท่า และ PBV 1.8 เท่า สำหรับปี FY65) เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม Consumer Finance ภายใต้การวิเคราะห์ (KTC, MTC, SAWAD, TIDLOR และ THANI) รวมถึงกําไรมีแนวโน้มเติบโตดี
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและสถานการณ์น้ำท่วม
- ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
- ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากการที่ ธปท. ตั้งเป้าให้สถาบันการเงินชะลอการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันในต้นปีหน้าเพื่อสกัดหนี้ครัวเรือน
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP