วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่รัฐสภา ยศกร ขุนภักดี ผู้ประสานงานกลุ่มวายเน็ก เข้ายื่นรายชื่อ 14,000 รายชื่อ ประกอบด้วยกลุ่มนักศึกษา แพทย์ อาจารย์ เพื่อต้องการให้ถอนร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ในการควบคุมกัญชา และขอให้รัฐบาลพิจารณาให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และใช้ทางการแพทย์เท่านั้น โดยมี ชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้รับหนังสือ
ด้านชินวรณ์กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา โดยวิปขอให้แต่ละฝ่ายไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพราะเป็นกฎหมายที่ประชาชนสนใจ ให้นำความคิดเห็นของแต่ละกลุ่ม ทั้งหนุนและค้านมาพิจารณา เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระยะยาว
เบื้องต้นในส่วนของวิปให้เป็นความเห็นของแต่ละพรรค การพิจารณากฎหมายของสภาเป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ ดังนั้นความเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ
ชินวรณ์ยังได้กล่าวยกตัวอย่างร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่รัฐบาลให้เก็บดอกเบี้ย แต่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย สุดท้ายร่างดังกล่าวก็ตกไป และเก็บดอกเบี้ย ดังนั้นการพิจารณากฎหมายต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่คำนึงถึงพรรค
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ากฎหมายจะไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ จึงได้ทำหนังสือเวียนพิจารณาอย่างรอบคอบ ถ้าแก้กฎหมายไม่รอบคอบก็จะเกิดปัญหา พร้อมยอมรับห่วงร่าง พ.ร.บ.กยศ. ที่อยู่ในการพิจารณาของวุฒิสภา อาจจะแก้ไม่ทัน
ชินวรณ์กล่าวต่ออีกว่า พระาชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยวันที่ 23 และ 30 พฤศจิกายนนี้ การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่าการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาตามข้อบังคับและขอบเขตกฎหมาย สำคัญที่สุดผ่านเสียงข้างมากสภามาแล้ว ซึ่งการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตนเห็นด้วย จะได้ปราศจากความสงสัย แต่ไม่เห็นด้วยที่นักวิชากล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ปัญหาทางการเมือง เพราะเชื่อว่าการเมืองมีทางออกเสมอ
