วานนี้ (18 มกราคม) ศาลอุทธรณ์ฟิลิปปินส์ตัดสินให้ มาเรีย เรสซา เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเว็บไซต์ Rappler ของเธอพ้นผิดจากข้อหาเลี่ยงภาษี หลังจากที่บริษัทโฮลดิ้งของ Rappler (RHC) และเรสซาที่เป็นประธานบริษัท ถูกตั้งข้อหาละเมิดมาตรา 254 และมาตรา 255 ตามกฎหมายภาษีแห่งประมวลรัษฎากรแห่งชาติ (National Internal Revenue Code) รวมทั้งสิ้น 4 กระทง โดยเธอชี้ว่า “ความจริงและความยุติธรรมเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในวันนี้”
ตั้งแต่ปี 2018 มาเรีย เรสซา และเว็บไซต์ Rappler ของเธอถูกฟ้องคดีและอยู่ระหว่างการสอบสวนในหลายข้อหาร่วมกัน รวมถึงข้อหาละเมิดกฎหมายภาษีและละเมิดข้อห้ามเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลต่างชาติมีอำนาจควบคุมเหนือสื่อมวลชน โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เชื่อว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีแรงจูงใจทางการเมือง
เรสซาและ Rappler ได้วิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต และรัฐบาลฟิลิปปินส์ในช่วงเวลานั้นอย่างต่อเนื่อง มีการเผยแพร่ผลการสอบสวนอย่างละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่มีการสังหารนอกกระบวนการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และการโจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการทุจริต ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 Rappler ยังคงนำเสนอข่าวที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อไป และยังได้เผยแพร่ผลการสอบสวนเกี่ยวกับรัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ อีกด้วย
ด้าน บุตช์ โอลาโน ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิลิปปินส์ เผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยินดีกับการตัดสินยกเลิกข้อหาเลี่ยงภาษีของมาเรีย เรสซา พร้อมเรียกร้องให้ทางการฟิลิปปินส์ยกเลิกข้อหากลั่นแกล้งทางไซเบอร์และข้อหาอื่นๆ ของเรสซาทันที เพื่อให้เธอสามารถทำงานต่อไปได้
โอลาโนชี้ว่า “บทบัญญัติเกี่ยวกับการฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทางไซเบอร์ (Cyber Libel) ของกฎหมายป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime Prevention Act) ยังคงถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และเป็นการปฏิบัติมิชอบโดยทางการ เพื่อข่มขู่นักข่าวและคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่พูดความจริงกับผู้มีอำนาจ การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการคุกคามสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก และเสรีภาพของสื่อมวลชน และยังทำให้เกิดการลอยนวลพ้นผิดของรัฐบาลมากขึ้น
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงขอย้ำถึงการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประกันว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่นักข่าวเขียนถึง โดยมีเป้าหมายในการให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเปิดเผยความจริง แทนที่จะนิ่งเฉยท่ามกลางการคุกคามและโจมตีนักข่าว มาร์กอส จูเนียร์ ควรเป็นผู้นำในความพยายามยกเลิกและแก้ไขกฎหมายที่เลือกปฏิบัติทั้งหมด ซึ่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ และเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงกฎหมายป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ปี 2012 และดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อยุติการโจมตีนักข่าวอิสระและสื่อมวลชนโดยทั่วไป”
แฟ้มภาพ: Ezra Acayan / Getty Images
อ้างอิง: