ภายใต้การเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศสหรัฐอเมริกาโดยว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่าง โจ ไบเดน เริ่มปรากฏให้เห็นถึงสัญญาณการตอบรับเชิงบวกและความเชื่อมั่นที่บรรดานักลงทุน นักธุรกิจในประเทศมีต่อการดำเนินกิจการการค้าในประเทศจีนแล้ว
ข้อมูลการสำรวจจากหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ (American Chamber of Commerce in Shanghai) ที่ดำเนินการจัดเก็บระหว่างวันที่ 11-15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และเปิดเผยออกมาวันนี้ (20 พฤศจิกายน) พบว่า บริษัทจากสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจในจีนมากกว่า 60% ล้วนแล้วแต่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า พวกเขาเริ่มมีมุมมองที่ ‘เป็นบวก’ ต่อการทำธุรกิจในจีนหลังจากนี้ ภายใต้การบริหารประเทศโดยว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่อย่างไบเดน
โดยจากผู้นำองค์กรกว่า 124 แห่งที่ร่วมแสดงความคิดเห็นในแบบสอบถามมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือราว 54.8% บอกว่าพวกเขารู้สึกมีมุมมองที่เป็นบวก (More Optimistic) อีก 8.1% บอกว่าพวกเขามีมุมมองที่เป็นบวกมากกว่าระดับปกติ (Much More Optimistic) มีเพียง 2 รายเท่านั้นที่รู้สึกมองโลกในแง่ร้ายต่อการดำเนินธุรกิจในจีนต่อจากนี้
อย่างไรก็ดี กว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างในผลสำรวจเชื่อว่า ความตึงเครียดของประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยกว่า 33% ของผู้ร่วมทำแบบสอบถามแสดงความกังวลที่มีต่อความปลอดภัยของพนักงานบริษัทในสาขาที่ประเทศจีน ขณะที่อีก 70.2% เชื่อว่าไบเดนนน่าจะใช้แรงกดดันจากนานาประเทศเข้ามาบีบจีนเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในประเด็นสงครามการค้า
Ker Gibbs ประธานสมาคมหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า “ผู้ตอบแบบสอบถามของเราส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มองประเด็นนี้ในแง่บวก คณะทำงานของไบเดนจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสภาพแวดล้อมที่มั่นคง (ในการดำเนินธุรกิจ) และการสานความสัมพันธ์กับประเทศจีนนับจากนี้”
ทั้งนี้ Gibbs มองว่า แม้ภาพรวมความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อการดำเนินธุรกิจจะปรับขึ้นมามีแนวโน้มที่สดใส แต่เขาก็เชื่อว่าแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นจากประเด็นสงครามการค้าจะยังไม่อันตรธานหายไปไหน เช่นเดียวกันกับการที่ทั้งสองประเทศจะต้องเร่งแก้ปัญหาในเชิงโครงสร้างความสัมพันธ์และปมการค้าให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ที่จีนถูกสหรัฐฯ กล่าวหาในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา บังคับให้โอนย่ายถ่ายเทความรู้ด้านเทคโนโลยีและการจำกัดการเข้าถึงตลาด เป็นต้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: