ก้าวเข้าสู่ทีมที่ 4 ต่อจาก อาร์เซนอล, เชลซี และลิเวอร์พูล ครั้งนี้เราจะพูดถึงทีมที่มีโอกาสได้แชมป์ลีกมากที่สุดทีมหนึ่งจากบทวิเคราะห์ต่างๆ ของสำนักข่าวต่างประเทศ นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เรือใบสีฟ้า ทีมอันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
เรือใบสีฟ้า ซึ่งได้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปนที่ขึ้นชื่อว่า ไปที่ไหนจะคว้าแชมป์ที่นั่น ด้วยสถิติการคว้าแชมป์กับบาร์เซโลนา ต่อด้วยฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จกับบาเยิร์น มิวนิก ส่งผลให้แฟนๆ กีฬา หรือแม้กระทั่งสื่อหลายสำนัก ยกย่องให้เป็นทีมเต็งแชมป์ในฤดูกาล 2016-2017
ลูกทีมของเป๊ป ซึ่งออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยม เก็บชัยชนะติดต่อกันได้ถึง 10 เกมในทุกรายการที่ลงแข่งขัน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเสียหลัก แพ้สลับกับเสมอติดต่อกันถึง 6 เกม และลูกทีมของเป๊ปก็ไม่สามารถรักษาฟอร์มได้อีกเลยหลังจากนั้น
ต่อด้วยการพลาดท่าตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยบุกไปนำโมนาโกก่อนถึง 5-3 ในบ้าน ก่อนจะบุกไปแพ้โมนาโกถึง 1-3 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่ไร้ถ้วยรางวัลของเป๊ป และเป็นฤดูกาลแรกของเขาที่พาทีมจบอันดับต่ำกว่าที่ 2 ในลีก
โดยหนึ่งในปัญหาหลักที่เกิดขึ้นคือ นักเตะหลักในเกมรับ แวงซองต์ กอมปานี กองหลังคนสำคัญของทีมเกิดบาดเจ็บระหว่างฤดูกาล ขณะที่กองหลังอย่าง นิโคลัส โอตาเมนดี และจอห์น สโตนส์ รวมถึงผู้รักษาประตู เคลาดิโอ บราโว ไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง
การแก้ปัญหาเกมรับ
ในตลาดซื้อขายนักเตะ นอกจากดีลของเนย์มาร์ที่ย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัวสถิติโลก 222 ล้านยูโรแล้ว สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่ทุ่มเงินเสริมทัพนักเตะอย่างหนัก โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาเกมรับของทีมให้ได้
เริ่มต้นจากผู้รักษาประตู หลังจากที่บราโวทำผลงานไม่เข้าตาเป๊ป เขาจึงตัดสินใจทุ่มเงิน 34.7 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว เอเดอร์สัน ผู้รักษาประตูชาวบราซิลจากเบนฟิกา ซึ่งกลายเป็นผู้รักษาประตูที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ต่อด้วยการเปลี่ยนวิงแบ็กทั้ง 2 ข้าง โดยโละนักเตะอย่าง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ปาโบล ซาบาเลตา, กาแอล กลิชี และบาการี ซานญา ออกจากทีม และซื้อกองหลังเพิ่มอีก 3 คน ประกอบด้วย ไคล์ วอล์กเกอร์, ดานิโล และเบนจามิน เมนดี ด้วยค่าตัวรวมกันสูงถึง 160 ล้านปอนด์ เพื่อแก้ไขเกมรับ
ซึ่งหลายคนยังมองว่า ด้วยจำนวนเงินที่ทุ่มไปมหาศาลอาจมากเกินกว่าคุณภาพของนักเตะที่ได้มา โดยเฉพาะไคล์ แบ็กขวาจากท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า เป็นกองหลังที่เปิดบอลได้ไม่ดี และมักจะหลุดตำแหน่งในเกมรับ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทั้งเมนดีและไคล์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือความเร็ว ที่น่าจะเข้ามาช่วยเกมรับในจังหวะที่ทีมโดนสวนกลับได้ดีขึ้น
ขณะที่คุณภาพของกองหลัง ซึ่งขณะนี้มีแวงซองต์ กอมปานี, นิโคลัส โอตาเมนดี และจอห์น สโตนส์ ซึ่งหากกอมปานีมีอาการบาดเจ็บอีกในฤดูกาลนี้ เรือใบสีฟ้าอาจประสบปัญหาเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว
โดย ธีรัช โพธิ์พานิช ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวกีฬาสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และแฟนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มองว่า เป๊ปเริ่มสังเกตเห็นจุดอ่อนของทีมและเริ่มดำเนินการแก้ไข ซึ่งจากการปรับปรุงเกมรับของทีมในครั้งนี้ น่าจะช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ขณะที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อาจต้องรอลุ้นตอนจับฉลากแบ่งกลุ่มว่าจะได้อยู่ร่วมกับกลุ่มไหน
“ซิตี้ฤดูกาลนี้เป๊ปต้องคว้าแชมป์ให้ได้ เพราะเริ่มเห็นจุดอ่อนในเกมรับของทีมในฤดูกาลที่แล้ว และเขาเสริมตัวนักเตะได้เป็นอย่างดี ขณะที่ความเข้าใจระหว่างกุนซือกับนักเตะในฤดูกาลที่ 2 น่าจะมีมากขึ้น ทำให้เป๊ปน่าจะดึงศักยภาพของทีมออกมาได้ดียิ่งขึ้น” ธีรัชให้ความเห็น
เกมรุกที่ดุดัน
เกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวที่สุดในลีก ประกอบด้วยรายชื่ออย่าง เซร์คิโอ อเกวโร, เควิน เดอ บรอยน์, เลรอย ซาเน, ราฮีม สเตอร์ลิง, ดาวิด ซิลบา และกาเบรียล เฆซุส ศูนย์หน้าดาวรุ่งที่โชว์ผลงานได้อย่างดีเยี่ยมช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว และแบร์นาโด ซิลวา นักเตะป้ายแดงในฤดูกาลนี้ ทำให้ขุมกำลังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูน่าเกรงขามในการถล่มประตูคู่แข่ง ขณะที่ในแดนกลางยังต้องหวังพึ่ง ยาย่า ตูเร, อิลคาย กุนโดกัน และแฟร์นันดินโญ โดยแผนการเล่นในปีนี้ เป๊ปน่าจะมาในรูปแบบเดิมคือ 4-2-3-1
ฤดูกาลที่เป๊ปต้องพิสูจน์ตัวเอง
ชาร์ลี นิโคลัส ผู้สื่อข่าวสกายสปอร์ตเชื่อว่า ฤดูกาลนี้ถึงเวลาแล้วที่เป๊ปต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยเขาเชื่อว่าเป๊ปจะยื่นคำขาดกับลูกทีมของเขาว่า ทุกคนต้องทุ่มเทเต็มที่เพื่อทำผลงานที่ดีให้กับทีม ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกแทนที่ด้วยนักเตะคนอื่น
ส่วนทางด้านตัวของเป๊ปเอง เขาน่าจะคาดหวังผลงานจากตัวเองสูงในฤดูกาลนี้ โดยมีเป้าหมายที่แชมป์พรีเมียร์ลีก หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่อย่างนั้นอาจถึงเวลาที่เป๊ปต้องยอมรับว่าเขาล้มเหลวในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และยุติบทบาทผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก จากการแข่งขันที่ดุเดือดสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เป็นการแข่งขันที่สามารถเปลี่ยนให้ยอดกุนซืออย่างเป๊ป ที่ประสบความสำเร็จจากลาลีกา สเปน และบุนเดสลีกา เยอรมัน มาจบการแข่งขันในอันดับที่ 3 และไม่สามารถคว้าแชมป์ได้แม้แต่รายการเดียว
มาถึงจุดนี้ เป๊ปมีทางออกอยู่เพียงทางเดียวคือ การพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เท่านั้นถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ เหมือนกับที่ คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัก ประธานสโมสรเรือใบสีฟ้าได้กล่าวไว้หลังจบฤดูกาลที่แล้วว่า “อย่าแสดงความยินดีกับผมถ้าทีมผมได้ที่สาม มันเป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี คุณจะแสดงความยินดีกับผมได้ก็ต่อเมื่อทีมเราได้แชมป์ลีกเท่านั้น”
อ้างอิง:
- www.skysports.com/football/news/11679/10970594/man-city-201718-season-preview-will-pep-guardiola-bring-trophies-to-the-etihad
- www.espnfc.com/english-premier-league/23/blog/post/3174066/premier-league-preview-manchester-city-tipped-for-glory-manchester-united-struggle
- www.theguardian.com/football/blog/2017/aug/07/premier-league-2017-18-preview-manchester-city
- www.mirror.co.uk/sport/football/news/manchester-city-201718-premier-league-10949586
- www.foxsports.com.au/football/premier-league/premier-league-predicted-lineups-2017-preview-manchester-united-liverpool-arsenal-chelsea-manchester-city-tottenham/news-story/334d279bb18e997edcd10560b2d9470c
- www.skysports.com/football/news/11096/10908429/the-most-expensive-goalkeeper-transfers-of-all-time