บริษัท ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป หรือ CFG บริษัทแม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประกาศบรรลุข้อตกลงในการขายหุ้น 10% ของธุรกิจทั่วโลกให้กับซิลเวอร์เลค บริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ด้วยจำนวนเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ CFG มีมูลค่าสูงถึง 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำธุรกิจกับซิลเวอร์เลคครั้งนี้ว่า
“เราและซิลเวอร์เลคมองเห็นโอกาสในการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบทุกรูปแบบ ทั้งกีฬาและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการส่งเสริมศักยภาพของ CFG ในการสร้างการเติบโตระยะยาว และเปิดรายได้ช่องทางใหม่ในระดับสากล”
สำหรับบริษัทซิลเวอร์เลค ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี ได้กล่าวถึงการเข้าลงทุนใน CFG ว่า
“เราหวังว่า จะช่วยผลักดันก้าวต่อไปในการเติบโตของ CFG ในช่วงที่ตลาดคอนเทนต์กีฬาและเอ็นเตอร์เทนเมนต์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว”
สำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ประกาศว่า พวกเขากวาดรายได้ 535 ล้านปอนด์ในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากที่สโมสรมีรายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่องถึง 11 ปี และกำลังไล่จี้ทีมคู่อริร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรพรีเมียร์ลีกที่มีรายได้มากที่สุด มากขึ้นเรื่อยๆ
วิลล์ วอล์กเกอร์-อาร์นอตต์ ผู้จัดการการลงทุนระดับอาวุโส บริษัท Charles Stanley ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC Radio ถึงดีลครั้งนี้ว่า ซิลเวอร์เลคเป็นบริษัทจากสหรัฐฯ ที่ลงทุนด้านเทคโนโลยีมาตลอด ทั้งในบริษัท Alibaba และ Skype แต่ในช่วงหลัง บริษัทได้หันมาสนใจลิขสิทธิ์การแข่งขันกีฬามากขึ้น และลงทุนในศึกมวยกรง UFC ไปแล้วก่อนหน้านี้
“เรามีบริษัทบรอดแคสติ้งยักษ์ใหญ่ทั้ง BT Sport, Sky และ Amazon ที่ต่างหันมาทุ่มเงินคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังถูกตรวจสอบจากยูฟ่า (สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป) จากข้อหาละเมิดกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ซึ่งซิลเวอร์เลคเองคงมองข้ามสิ่งนี้ไป”
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: