ทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์คาราบาวคัพได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังเฉือนเอาชนะ ‘สิงห์ผยอง’ แอสตัน วิลล่า แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมที่ต้องลุ้นระทึกกันถึงช่วงท้ายเกม
เกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลรายการคาราบาวคัพ หรืออีเอฟแอลคัพ ที่สนามเวมบลีย์ จบลงด้วยความอิ่มเอมใจสำหรับแฟนบอลทั้งสองทีมและผู้ชมทั่วโลก เมื่อทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแอสตัน วิลล่า ต่างสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงตลอดทั้ง 90 นาที โดยเริ่มเกมมาเหมือนทุกอย่างจะเข้าทางแชมป์เก่าที่เป็นเจ้าของตำแหน่งมา 2 ปีติดต่อกัน เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร ตวัดวอลเลย์เข้าไปในนาทีที่ 20 ก่อนที่อีก 10 นาทีต่อมา โรดรี จะขึ้นโหม่งให้ทีมหนีห่างเป็น 2-0
แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาที แอสตัน วิลล่า ได้ประตูจุดประกายความหวังมาจากกองหน้าดาวรุ่ง เอ็มวานา ซามัตตา ที่โหม่งลูกเปิดจาก อันวาร์ เอล กาซี เข้าไป ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 2-1 ซึ่งเมื่อกลับมาลงสนามใหม่ในครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าและพยายามจะยิงประตูที่ 3 เพื่อฝังให้ได้ แต่ปรากฏว่าทีมจากมิดแลนด์ก็สู้ขาดใจ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และเกือบจะตีเสมอได้ด้วยในช่วงท้ายเกมจากการโหม่งลูกเตะมุมของ บียอร์น แองเกิลส์ แต่ เคลาดิโอ บราโว ซูเปอร์เซฟปัดบอลก่อนที่ลูกจะชนเสากระดอนออกไป และสุดท้ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะได้ในเกมที่เร้าใจ 2-1
สำหรับการคว้าแชมป์ครั้งนี้ถือเป็นการคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน และเป็นแชมป์รายการนี้ครั้งที่ 4 จาก 5 ปีหลังสุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยก่อนหน้านี้มีทีมเดียวที่เคยคว้าแชมป์ได้ 4 สมัยติดต่อกันคือลิเวอร์พูลตั้งแต่ฤดูกาล 1980-81 จนถึง 1983-84 ขณะที่จำนวนแชมป์รวมลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ครองแชมป์สูงสุด 8 สมัย แต่เวลานี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ตามมาติดเป็น 7 สมัยแล้ว
ในวันเดียวกันยังมีการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอีก 2 คู่ โดยเอฟเวอร์ตันเสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 แบบพลาดชัยชนะหวุดหวิดเมื่อประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บถูก VAR ริบ เนื่องจากมีการล้ำหน้าของ กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน ส่วนอีกคู่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พลาดท่าโดนวูล์ฟส์บุกมาแซงเอาชนะได้สุดมัน 3-2 ทำให้เวลานี้ทีม ‘หมาป่า’ มี 42 แต้มเท่า ‘ปีศาจแดง’ ที่อยู่อันดับ 5 ตามหลังเชลซี ทีมอันดับ 4 เพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: