ชัยชนะเหนือยูฟ่าของทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคดีการกระทำผิดการเงิน กลายเป็นเรื่องที่โลกฟุตบอลแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย
ความกังวลอยู่ที่การ ‘เสียท่า’ อย่างรุนแรงในครั้งนี้ของยูฟ่า ที่ถูกอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) ชี้ว่า หลักฐานที่ใช้รวบรวมมามัดตัวทีมมหาเศรษฐีของอังกฤษนั้นไม่มีน้ำหนักมากพอ จนทำให้ศาลจำเป็นต้องกลับคำตัดสินจากการโดนลงโทษ แบนห้ามแข่งในฟุตบอลสโมสรยุโรป 2 ปี และปรับเงินอีก 30 ล้านยูโร เหลือเพียงแค่การปรับเงินแค่ 10 ล้านยูโร จะเป็นการส่งเสริมให้ทีมมหาเศรษฐีอย่างซิตี้มั่นใจในสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ด้วยการทุ่มเงินไม่อั้น และอัดฉีดเงินเข้าสู่สโมสรผ่านกลวิธีต่างๆ ที่แนบเนียนหรือไม่
ในขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นการทำลายความมั่นใจของทีมที่พยายามทุกอย่างเพื่อทำตามกฎ Financial Fair Play มาโดยตลอด เพราะกลัวจะถูกลงโทษ (ซึ่งก็มีทีมจำนวนไม่น้อยที่ถูกลงโทษ เพราะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และไม่มีทุนเบื้องหลังมาอัดฉีดให้แบบแมนเชสเตอร์ ซิตี้) ด้วยหรือเปล่า
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะต้องจับตาดู โดยเฉพาะในคำพิพากษาฉบับเต็มที่จะมีการเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ว่า ศาลมีความเห็นอย่างไรต่อการอุทธรณ์ครั้งนี้ ซึ่งจะได้เห็นจุดบกพร่องของยูฟ่าที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ หลุดพ้นจากการลงดาบครั้งนี้ได้
อย่างไรก็ดี สำหรับชาวซิติเซนส์แล้ว ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรใครอีก เพราะสิ่งที่พวกเขากังวลตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาคือ การที่ทีมชุดนี้จะถึงคราวต้องแตกดับหรือไม่ เพราะการโดนแบนในเวทียุโรปนานถึง 2 ปีนั้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องอนาคตของใครหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นนายใหญ่ที่เป็นหัวใจของทีมอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา หรือซูเปอร์สตาร์ อย่าง เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง, เซร์คิโอ อเกวโร และอีกมากมายหลายรายในทีมที่อาจจะไม่อยากอยู่กับทีมต่อไป หากไม่ได้เล่นในรายการใหญ่ของฟุตบอลยุโรป
การพ้นมลทินครั้งนี้ทำให้แมนฯ ซิตี้ เตรียมเดินหน้าอย่างมั่นใจ กับแผนการอัปเกรดทีมให้เป็นเวอร์ชัน 2.0 ด้วยเหล่าซูเปอร์สตาร์หน้าใหม่อย่างน้อย 3 คน หรืออาจจะมากถึง 5 คน ถ้าเป็นไปได้
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ, แบ็กซ้าย และตัวทำเกมที่จะทดแทนการขาดหายไปของ ลีรอย ซาเน คือทางเลือกหลักที่เป๊ปต้องการจะเสริมทีมให้ได้ เพื่อการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เป้าหมายอันดับ 1 คาลิดู คูลิบาลี
ปัญหาใหญ่ที่สุดของแมนฯ ซิตี้ ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกันได้ คือการขาด ‘หัวใจ’ ในแนวรับไป
หัวใจที่ว่าไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องของนักเตะที่มีความสามารถ มีความแข็งแกร่งเป็นที่พึ่งพาของทีมในสนามเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการขาดผู้นำไปด้วย หลังจากที่กัปตันทีม แว็งซองต์ กอมปานีย์ ตัดสินใจอำลาทีมไปโดยที่ไม่ได้ซื้อใครเข้ามาทดแทน
เดิมในช่วงปิดฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ ต้องการตัว แฮร์รี แม็กไกวร์ แต่ว่าโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมือง ปาดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ ทำให้เป๊ปเหลือตัวเลือกเพียงแค่ อายเมอริค ลาปอร์ต, นิโกลัส โอตาเมนดี, จอห์น สโตนส์, เอริค การ์เซีย รวมถึง แฟร์นันดินโญ จอมเก๋า
แต่การบาดเจ็บของลาปอร์ตที่เจ็บหนักตั้งแต่ต้นฤดูกาล และต้องพักการเล่นยาว ทำให้เป๊ปต้องถอยเอา แฟร์นันดินโญ มายืนทดแทน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อแดนกลางของทีมที่อ่อนแอลงอย่างมาก ขณะที่ดาวเตะชาวบราซิล แม้จะเก่งและเก๋า แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องสภาพร่างกายที่อ่อนแรงและเชื่องช้าตามอายุ และทำให้จุดนี้กลายเป็นปัญหาของทีมมาโดยตลอด
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ เป๊ปจึงต้องการนักเตะใหม่เข้ามา โดยรายที่ถูกมองว่าเป็นเป้าหมายหลักตอนนี้คือ คาลิดู คูลิบาลี ปราการหลังจอมแกร่งของทีมนาโปลี ที่เป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลก
ถึงแม้วัยของคูลิบาลีจะมากถึง 29 ปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่แมนฯ ซิตี้ จะซื้อเข้ามาเสริมทีม แต่ด้วยความสามารถในการเล่น ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และประสบการณ์กองหลังรายนี้จะแก้ไขปัญหาของเกมรับได้อย่างดีแน่นอน
สิ่งสำคัญคือ ปีนี้พวกเขาไม่น่ามีคู่แข่งจะแย่งตัวด้วย เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การควักเงิน 75 ล้านปอนด์ในช่วงปิดฤดูกาล กับนักเตะที่เหลืออายุการใช้งานในเวทีสูงสุดอีกไม่เกิน 5-6 ปี ไม่ใช่ทางเลือกปกติสำหรับสโมสรทั่วไป
สำหรับตัวเลือกอื่นๆ ยังมี รูเบน ดิอาส ของเบนฟิกา, เปา ตอร์เรส ของบียาร์เรอัล, นาธาน อาเก ของบอร์นมัธ, ชากลาร์ โซยุนซู ของเลสเตอร์ ซิตี้, มิลาน สคริเนียร์ ของอินเตอร์ มิลาน, แดน-อักเซล ซากาดู ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แยน แฟร์ธองเกน จอมเก๋าวัย 33 ปีของสเปอร์ส
หนึ่งในรายชื่อด้านบนอาจถูกเป๊ปดึงตัวเข้ามาด้วย สวนทางกับ โอตาเมนดี ดาวเตะวัย 32 ปีที่กำลังโรยรา และมีโอกาสจะถูกโละออกจากทีม ขณะที่สโตนส์ ซึ่งมีข่าวว่าอาจถูกขายทิ้ง อาจจะได้อยู่ต่อ เพราะจำเป็นต่อเรื่องของโควตาผู้เล่น Homegrown อยู่
เป้าหมายอันดับ 2 เบน ชิลเวลล์
อีกหนึ่งจุดอ่อนในทีมคือแบ็กซ้าย โดยที่ผ่านมาเป๊ปพยายามอดทนและให้โอกาสกับ แบงฌาแม็ง เมนดี แต่พบเจอกับความผิดหวังมาโดยตลอด
ขณะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก แม้จะเป็นแบ็กซ้ายตัวทดแทนที่ถือว่าฝีเท้าใช้ได้ แต่เมื่อเทียบกับแบ็กซ้ายของคู่แข่งอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ของลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นคีย์แมนในเกมริมเส้นที่ทำให้ ‘หงส์แดง’ ถึงฝั่งฝันได้แล้วยังดูเหมือนห่างไกล
ด้วยเหตุนี้ทำให้แบ็กซ้ายที่ได้รับการยกย่องอย่างมากไม่แพ้โรเบิร์ตสันในฤดูกาลนี้อย่างชิลเวลล์ เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
แบ็กจากเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นดาวรุ่งที่โดดเด่นมาโดยตลอด (และครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเป้าหมายที่ เจอร์เกน คล็อปป์ อยากได้ตัวมาร่วมทีม ก่อนจะผิดหวังและหันไปคว้าโรเบิร์ตสันแทน) โดยเฉพาะในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาที่ผลงานร้อนแรงอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี ชิลเวลล์เป็นเป้าหมายของเชลซีที่หมายมั่นปั้นมือจะดึงตัวไปร่วมทีมด้วยเช่นกัน ซึ่งแมนฯ ซิตี้ อาจต้องใช้กำลังภายในมากสักหน่อยหากคิดจะกระชากตัวมาร่วมทีมให้ได้ หรือไม่เช่นนั้นก็อาจต้องมองหาเป้าหมายอื่นๆ ในตลาด ซึ่งยังพอมีตัวที่น่าสนใจอย่าง นิโกลัส ทาเกลียฟิโก แบ็กซ้ายจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่เป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายอนาคตไกลของวงการเช่นกัน
เป้าหมายอันดับ 3 แจ็ค กรีลิช
รูโหว่ที่ ลีรอย ซาเน ทิ้งไว้ให้ทีมตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาลคือ การที่ปีกทีมชาติเยอรมันต้องการจะย้ายกลับบ้านเกิดเพื่อไปเล่นกับบาเยิร์น มิวนิก แต่ดันบาดเจ็บก่อนฤดูกาลจะเริ่มต้นทำให้แทบปิดฉากทันที ซึ่งการขาดจอมกระชากทีมชาติเยอรมันที่เป็นนักเตะที่มีความสามารถจะสร้างสิ่งพิเศษให้เกิดขึ้นในสนามได้ด้วยตัวเองส่งผลกระทบต่อทีมไม่น้อย
สุดท้ายซาเนตัดช่องน้อยย้ายออกจากแมนฯ ซิตี้ สมความตั้งใจ เหลือไว้แต่ปัญหาที่เป๊ปต้องแก้ไข ซึ่งเวลานี้เป้าหมายที่น่าสนใจอย่างมากคือ แจ็ค กรีลิช เพลย์เมกเกอร์ระดับอัจฉริยะของแอสตัน วิลลา ที่ไม่ว่าทีมจากมิดแลนด์จะรอดพ้นจากการตกชั้นหรือไม่เชื่อว่าจอมทัพลูกหนังรายนี้จะย้ายออกจากวิลลา ปาร์กอย่างแน่นอน
กรีลิช นอกจากเซนส์บอลจะได้แล้ว สไตล์การเล่นน่าจะเข้ากับทีมได้ดี ซึ่งนอกจากการทดแทนซาเนแล้วยังทดแทน ดาบิด ซิลบา ตำนานของสโมสรที่จะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน (นอกเหนือจาก ฟิล โฟเดน ที่ว่ากันว่าจะเป็นทายาทสายตรง และ แบร์นาโด ซิลวา ที่ฟอร์มตกลงไปในฤดูกาลนี้) แถมยังเป็นนักเตะ Homegrown อีกด้วย
เป้าหมายอื่นๆ
ซาอูล ญีเกซ กองกลางฝีเท้าดีของแอตเลติโก มาดริด ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าสนใจ และมีข่าวว่าเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ทีมแมนฯ ซิตี้ ไม่น้อย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป๊ปจริงจังแค่ไหนกับการคว้าตัวมาร่วมทีม
หากมีโอกาสจะได้ตัวมาร่วมทีมโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียพลังงานในการเจรจามากนัก ก็เป็นไปได้ที่ญีเกซจะถูกดึงเข้ามาร่วมทีมด้วยอีกราย
และที่น่าจับตามองอย่างมากคือ ตำแหน่งกองหน้าที่เริ่มเห็นได้ชัดในฤดูกาลนี้ว่า กาเบรียล เชซุส ยังไม่ดีพอที่จะทดแทน เซร์คิโอ อเกวโร ได้ และ ‘เอล กุน’ ที่อายุล่วงเลยมาถึง 32 ปี ก็เริ่มโรยราลงไปทุกที
เป๊ปรู้ว่าทีมไม่สามารถจะฝากความหวังเอาไว้กับคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตได้ และหากเชซุสไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าเขาดีพอจะก้าวขึ้นมาเป็นกระบี่มือหนึ่งจริง ก็อาจจะมีการขยับหาคนเข้ามาเสริมในตำแหน่งนี้ด้วย
ให้โจทย์ทิ้งท้ายว่า หากเป็น แฮร์รี เคน จะเข้ากับระบบของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้หรือไม่
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
- แมนฯ ซิตี้ ต่อให้ไม่ต้องใช้เงินอัดฉีดพิเศษจากตะวันออกกลาง พวกเขาก็ยังมีเงินจากการขาย ลีรอย ซาเน ให้บาเยิร์น มิวนิก 54.8 ล้านปอนด์ รวมถึงการที่ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (บริษัทที่เป็นเจ้าของสโมสร) ได้ขายหุ้นให้แก่ Silver Lake ทุนจากสหรัฐฯ ได้เงินกลับมาถึง 389 ล้านปอนด์
- อีกหนึ่งปัญหาใหญ่คือซิตี้ต้องรีบสะสางเรื่องสัญญาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่เหลือถึงแค่ปี 2021 ซึ่งการอยู่หรือไม่อยู่ของเป๊ปจะมีผลต่อการตัดสินใจของนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งหลาย