ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าปัจจุบัน LANY วงอเมริกันอินดี้ป๊อปจากลอสแอนเจลิสคือหนึ่งในศิลปินที่มาแรงมากที่สุด และได้กลายเป็นขวัญใจคนยุคใหม่ โดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นเจนซี ซึ่งเป็นฐานแฟนเพลงหลักนับตั้งแต่ปล่อยเดบิวต์อัลบั้มออกมาเมื่อปี 2017 ก่อนจะโด่งดังเปรี้ยงปร้างจากหลายบทเพลงกระแทกใจคนอกหักใน Malibu Nights (2018) สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 2
หลังจากเว้นช่วงการปล่อยอัลบั้มไปสองปีเต็ม ล่าสุดสามหนุ่ม พอล ไคลน์ (ร้องนำ, คีย์บอร์ด), ชาร์ลส์ เลสลี พรีสต์ (กีตาร์, ซินธิไซเซอร์) และ เจก กอสส์ (กลอง) ก็กลับมาพร้อมกับ Mama’s Boy อัลบั้มเต็มชุด 3 ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางดนตรี และยังคงตอกย้ำกับเราอีกครั้งว่าพวกเขานั้นเก่งกาจเหลือเกินกับการทำเพลงให้ออกมาฮอตฮิตติดตลาด ฟังง่าย ฟังเพลิน ชนิดที่ว่าไม่ต้องขึ้นชาร์ต Billboard หรือชนะรางวัลแกรมมี่ ผู้คนก็พร้อมเปิดใจฟังและหลงรักในบทเพลงของ LANY ได้อย่างง่ายดาย
Mama’s Boy บรรจุบทเพลงในอัลบั้มไว้ทั้งหมด 14 แทร็ก โดยงานชุดนี้ทางวงได้โปรดิวซ์ร่วมกับ คิง เฮนรี, ไทเลอร์ จอห์นสัน และแชด โคปลิน เหล่าโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันผู้เคยทำงานร่วมกับศิลปินดังๆ มากมาย อาทิ Taylor Swift, The Weekend, Charlie XCX, Beyoncé, Ed Sheeran ฯลฯ
สำหรับตัวอัลบั้มหลังฟังจบก็ต้องบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมและดีงามตามมาตรฐาน ในงานชุดนี้เราได้เห็นพัฒนาการด้านดนตรีที่เติบโตขึ้นของ LANY พวกเขาพยายามใส่ลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้เกิดความแตกต่าง และทำให้เพลงดูมีมิติมากขึ้นจากอัลบั้มชุดก่อนๆ ทั้งการนำเครื่องดนตรีอะคูสติกอย่างกีตาร์โปร่งเข้ามาเป็นส่วนประกอบครั้งแรกของวงในเพลง Good Guys และ If This Is The Last Time ซึ่งให้กลิ่นอายของดนตรีคันทรีที่ผสมผสานเข้ากับซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม พาให้เรานึกถึงบรรยากาศแบบบ้านๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความร่วมสมัยเหมือนได้พักอาศัยอยู่ในรูปถ่ายบนอินสตาแกรมของเหล่าวัยรุ่นฮิปสเตอร์
นอกจากนี้อีกหนึ่งส่วนผสมใหม่ที่น่าสนใจคือการนำเครื่องดนตรีชนิดเป่าเข้ามาใช้ในเพลง Paper และ Nobody Else ที่ช่วยเพิ่มความอีพิกและความสวยงามทางอารมณ์ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกอินหรือเข้าถึงตัวเพลงได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่ใช่เพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเศร้าตามมากในระดับเดียวกับเพลงเก่าๆ อย่าง Hericane หรือ Malibu Nights แต่หากเรามีประสบการณ์ตรงที่สัมพันธ์กับเนื้อหาของเพลง บวกกับส่วนผสมทางดนตรีที่ช่วยขับเน้นความ Emotional แบบนี้มันก็ทำเอาเราน้ำตาซึมได้เหมือนกัน
ด้านเนื้อหาของเพลงใน Mama’s Boy หลักๆ ยังคงพูดถึงเรื่องราวความรัก ความสุข และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของมนุษย์ แต่มีการขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่นเพลง If This Is The Last Time ที่วงช่วยกันเขียนออกมาเป็นจดหมายรักเพื่อส่งคำขอบคุณไปยังครอบครัวของแต่ละคนที่คอยดูแลเอาใจใส่พวกเขาอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นการขอโทษสำหรับสิ่งที่เคยทำผิดไปด้วย เหมือนที่ พอล ไคลน์ นักร้องนำเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ผ่านทางออนไลน์ว่า “ความสำเร็จเกือบทั้งหมดในชีวิตของผมต้องยกให้คุณแม่ ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้ตั้งเพื่อยกย่องเธอ เพราะเธอทำให้ผมไม่เคยพลาดสักวันหรือสักสัปดาห์ที่จะไปซ้อมเรียนเปียโนตอนเด็ก และช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เราจะออกสายไปโรดทริปแข่งขันเปียโนที่ต่างๆ ด้วยกัน ซึ่งในวัยนั้นทำให้ผมหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่มาวันนี้รู้สึกขอบคุณเธอมากที่ไม่เคยทำให้เราล้มเลิก”
นอกจากจะมี If This Is The Last Time เป็นตัวสร้างความแตกต่างด้านเนื้อหาแล้ว ก็ยังมีเพลง Cowboy in LA ที่ พอล ไคลน์ ได้แรงบันดาลใจในการแต่งมาจากเรื่องราวชีวิตวัยเด็กที่เขาเติบโตขึ้นมาในรัฐโอคลาโฮมา และจำเป็นต้องออกเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อไล่ล่าความฝันการเป็นศิลปินที่เมืองใหญ่อย่างลอสแอนเจลิส และเพลงอย่าง I Still Talk To Jesus ที่พูดเรื่องความขัดแย้งในจิตใจของมนุษย์ผู้ไม่เคยเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าเลย แต่บางเวลากลับสวดอ้อนวอนท่านเพื่อขอให้ชีวิตปราศจากสิ่งเลวร้าย และมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาซะอย่างนั้น เพลงนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การใช้คณะร้องประสานเสียงมาร้องคอรัสแบบกอสเปล ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงระดับมาสเตอร์พีซที่หากได้ฟังสดๆ ในคอนเสิร์ตน่าจะขนลุกขนพองไม่น้อย
โดยรวมแล้วต้องบอกว่า Mama’s Boy ของ LANY เป็นอีกหนึ่งผลงานอัลบั้มที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี มันแสดงให้เห็นว่าวงมีความพยายามทดลองทำอะไรใหม่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเพลย์เซฟอยู่พอสมควร พวกเขายังคงยึดมั่นในแนวทางดนตรีที่ตัวเองถนัด ซึ่งเปรียบเป็นสูตรสำเร็จที่วงใช้มาตลอด นั่นคือการทำเพลงจังหวะสนุกสนานที่ใช้เสียงสังเคราะห์เป็นหลักตามสไตล์วงอินดี้ป๊อป มีเมโลดี้สวยงาม ร้องตามไม่ยาก เขียนเนื้อเพลงง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ที่แสดงออกถึงความจริงใจและสะท้อนความรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมา
เช่น เพลงสุดโรแมนติกอย่าง You! ที่เราฟันธงว่าต้องมีคนนำไปใช้จีบกัน หรือเพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม เช่น Heart Won’t Let Me, Sharing You, Bad News, When You’re Drunk, Anything 4 U, Sad, และ (What I Wish Just One Person Would Say To Me) ที่เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนจะเปิดฟังซ้ำไปซ้ำมาเพื่อโอบกอดเยียวยาความรู้สึกเจ็บปวดของตัวเอง ที่ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากความรัก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่หรือเด็กวัยรุ่นยุคนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากๆ
เราขอรับประกันว่าถึงแม้คุณจะไม่ใช่แฟนเพลงของ LANY คุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับอัลบั้มชุดนี้ได้อย่างไม่ต้องฝืนใจ แต่ถ้าหากคุณเป็นแฟนเพลงของพวกเขา Mama’s Boy คืออัลบั้มที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุณอย่างแท้จริง
สามารถฟังอัลบั้ม Mama’s Boy ทั้ง 14 เพลงได้ที่
https://open.spotify.com/album/6tmSIFaEjxAtuYwPq9FaFP?si=zX_FtM4cRzyLrQzmgjTWxA
ภาพ: LANY
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์