ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ ไม่กระทบกำลังซื้อของวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจชี้วัยรุ่นชายช้อปปิ้งสูงกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่เน้นซื้อสินค้าทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าตามกระแสที่กำลังมาแรง โดย Nike ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ยังครองใจวัยรุ่น
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Piper Sandler ได้ทำการสำรวจวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา 9,200 คน ส่วนใหญ่มีอายุราวๆ 15 ปี และมีรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ย 70,725 ดอลลาร์ (2.5 ล้านบาท) พบว่ามีการใช้จ่ายซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดลงราว 1% แต่ถือว่าน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ลดลงประมาณ 4%
สิ่งที่น่าสนใจคือกลุ่มวัยรุ่นชายมีพฤติกรรมการใช้จ่ายมากกว่าผู้หญิงถึง 11% ขณะที่ผู้หญิงใช้จ่ายน้อยกว่าอยู่ที่ 8%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ภาวะเงินเฟ้อแบบนี้ มูลค่ากระเป๋าหรูยังดีอยู่ไหม?
- เหล่าสนีกเกอร์เตรียมควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม ‘Nike’ จ่อขึ้นราคาสินค้าในปีหน้า หลังกำไรหดจากการลดล้างสต๊อกมากไป สวนทางต้นทุนการผลิตและค่าแรงที่สูงขึ้น
- คู่รักวัยรุ่น Gen Z เริ่มใช้แอป TikTok วางแผนจัดงานแต่งแบบเรียบง่าย ทั้งค้นหาชุดบ่าวสาวและของชำร่วย หวังลดค่าใช้จ่าย
สำหรับสินค้าที่วัยรุ่นนิยมซื้อมากที่สุดมีตั้งแต่เครื่องแต่งกายและรองเท้า จากการสำรวจพบว่าวัยรุ่นใช้จ่ายในการซื้อรองเท้าประมาณ 305 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1 หมื่นบาทต่อปี และส่วนใหญ่แล้วผู้ชายซื้อมากกว่าผู้หญิง ที่ใช้จ่ายในการซื้อรองเท้าประมาณ 80 ดอลลาร์ หรือราวๆ 2,900 บาทต่อปี
ทั้งนี้ แบรนด์รองเท้าที่วัยรุ่นชอบซื้อมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 คือ Nike ตามด้วย Converse อันดับ 2 และ adidas ครองอันดับ 3 รวมถึง New Balance อันดับสี่ และ Vans อยู่อันดับ 5
ขณะที่การใช้จ่ายด้านเสื้อผ้าลดลง โดยกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงใช้จ่ายเสื้อผ้าน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมียอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 563 ดอลลาร์ หรือราวๆ 2 หมื่นบาทต่อปี โดยช่องทางการสั่งซื้อเสื้อผ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Shein แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีน และ Amazon แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์
เรียกได้ว่ากลุ่มวัยรุ่นนิยมปรับตัวตามกระแสและเทรนด์แฟชั่นที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง จากผลการสำรวจว่าสินค้าที่ขายดีในกลุ่มผู้หญิงคือ เสื้อครอป กางเกงยีนส์ และรองเท้าบู๊ต ขณะที่ผู้ชายจะนิยมซื้อรองเท้า Nike Jordan ตามด้วยชุดกีฬา กางเกงทรงหลวม และกางเกงขาสั้น
เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางและความงาม วัยรุ่นผู้หญิงจะใช้จ่ายกับสินค้ากลุ่มนี้ประมาณ 324 ดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้น 23% จากปีที่แล้ว โดยเครื่องสำอาง e.l.f. ยังคงเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมมากสุด ตามด้วย Rare Beauty ของ Selena Gomez ครองอันดับ 2 และ Maybelline อันดับ 3 ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย รวมถึงน้ำหอมก็มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 14%
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าปัจจัยความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อไม่ได้กระทบกำลังซื้อในสหรัฐอเมริกามากนัก เพราะวัยรุ่นส่วนใหญ่มีรายได้จากการทำงานพาร์ตไทม์และอีกบางกลุ่มก็มีครอบครัวช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย
อ้างอิง: