หลังจากนำพรรคแนวร่วมรัฐบาลอย่างบาริซาน เนชันแนล (BN) พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปี นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ กวาดที่นั่ง ส.ส. ในรัฐสภาไปได้เพียง 79 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่ง อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคเผยว่า ตนจะขอลาพักไปใช้เวลาพักผ่อนร่วมกับครอบครัวที่อินโดนีเซีย โดยมีกำหนดการเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตาในช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ค.) โดยเที่ยวบินเจ็ตเช่าเหมาลำ ก่อนที่จะถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศในที่สุด
นายนาจิบยังระบุอีกว่า การที่ตนและภริยาถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกมาเลเซียในระยะนี้เป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม เขาและภริยาจะปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด หลังจากที่ทราบแผนการเดินทาง มีชาวมาเลเซียร่วม 60 คนต่างมาชุมนุมเพื่อสกัดการเดินทางออกนอกประเทศในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้นายนาจิบมีข่าวพัวพันกับการทุจริตเงินกองทุน 1MDB ของรัฐบาลมาเลเซีย เป็นเงินมูลค่ากว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปมปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันของอดีตผู้นำรัฐบาลชุดก่อน มีส่วนทำให้พรรคบีเอ็นที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานต้องพบกับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้
มหาเธร์ โมฮัมหมัด เข้าพิธีสาบานเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ปกครองประเทศยาวนานที่สุดของมาเลเซีย รวมถึงเป็นผู้นำประเทศที่มีอายุมากที่สุดในโลก ด้วยวัย 92 ปี โดยเขาประกาศเดินหน้าสอบสวนคดีทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมแต่งตั้งที่ปรึกษากระทรวงการคลังคนใหม่ เพื่อดูแลและตรวจสอบกรณีที่นายนาจิบถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจำนวนมหาศาลไปจากกองทุน 1MDB โดยเฉพาะ
ล่าสุด นายนาจิบประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคอัมโน (UMNO) และประธานกลุ่มแนวร่วมบาริซาน เนชันแนลแล้ว โดยมีผลในทันที พร้อมระบุว่า “พวกเราทุกคนเสียใจกับผลที่ออกมา แต่พรรคของเราจะยังคงยึดถือหลักประชาธิปไตยต่อไป พวกเรายอมรับการตัดสินใจของประชาชน
“ผมขอโทษสำหรับข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผมขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบโอกาสให้ผมเป็นผู้นำประเทศที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ของเรา”
อ้างอิง:
