เข้าสู่วันที่ 5 ของมาตรการ Movement Control Order (MCO) ที่ไม่ใช่ Fully Lockdown หรือล็อกดาวน์เต็มรูปแบบอย่างในเมืองอู่ฮั่นของจีน แต่เป็นการปิดพื้นที่ในประเทศบางส่วน (Partly Lockdown) เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้ชีวิตของคนมากนัก
รัฐบาลมาเลเซียประกาศคำสั่งควบคุมการเคลื่อนย้ายสัญจร หรือ Movement Control Order ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ถึง 31 มีนาคม 2020 เป็นเวลา 14 วัน คำสั่งนี้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ 1988 และพระราชบัญญัติตำรวจ 1967
มีข้อบังคับหลายประการ ตั้งแต่ห้ามการชุมนุมทุกประเภท รวมถึงกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ ที่ผู้คนรวมตัวกัน โดยให้ปฏิบัติศาสนกิจในบ้านแทน นอกจากนี้ยังมีการปิดมัสยิด วัด โบสถ์ ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ ออฟฟิศของเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม ยกเว้นงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการที่จำเป็น (Essential Services) เช่น ประปา ไฟฟ้า ไปรษณีย์ การสื่อสารโทรคมนาคม โรงแรม ปั๊มน้ำมัน-แก๊ส การเงินการธนาคาร สถานีดับเพลิง ท่าเรือ สนามบิน การป้องกันสาธารณภัย และร้านขายอาหารสด ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ
นอกจากนี้ยังห้ามชาวมาเลเซียเดินทางออกนอกประเทศ และผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติและเครื่องบินต่างชาติบินมายังมาเลเซีย และปิดสถานศึกษาทุกแห่งตั้งแต่ระดับโรงเรียนถึงมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน
มาตรการทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้คนมีระยะห่างทางสังคม ลดการติดต่อปฏิสัมพันธ์กัน หรือ Social Distance และคาดว่าจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 17 มีนาคม คือมีคนมหาศาลแห่เดินทางออกนอกเมืองเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดตามรัฐต่างๆ เฉพาะกัวลาลัมเปอร์เมืองเดียวมีมากนับแสนคน
ทางตำรวจได้ออกคำสั่งให้กรอกเอกสารรายละเอียดการเดินทางข้ามรัฐ แต่สุดท้ายต้องยกเลิก เพราะคนจำนวนมากแห่ไปที่สถานีตำรวจเข้าแถวกันยาวเหยียด สถานีตำรวจบางแห่งถึงกับติดป้ายเชิงประชดประชันว่า “ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มแล้ว เชิญเดินทางได้ ขอให้โชคดีพาโควิดกลับบ้านเกิด”
เวลา 20.00 น. ของวันที่ 18 มีนาคม ซึ่งเป็นวันแรกของการปิดประเทศ นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดีนบินมูฮัมหมัดยัสซีน ออกแถลงทางโทรทัศน์อีกครั้งชี้แจงในรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว และสื่อสารให้ชัดเจนกระชับขึ้นว่า “Movement Control Order คือการห้ามเดินทางสัญจรหรือเคลื่อนย้าย และตำรวจจะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นหากยังฝ่าฝืน”
พร้อมกันนี้ผู้นำมาเลเซียยังขอร้องให้ประชาชนเก็บตัวอยู่ในบ้าน โดยย้ำว่านี่ไม่ใช่วันหยุดยาวประจำปีสำหรับเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนตามที่ต่างๆ และห้ามจัดงานเลี้ยงใดๆ ถ้ายังไม่ได้ผล รัฐบาลอาจจะขยายเวลาในการใช้มาตรการนี้ออกไปอีก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายกฯ ออกทีวี วันถัดมาก็ยังมีคนฝ่าฝืน บางเมืองยังมีคนจัดงานเลี้ยงจนทางตำรวจต้องเข้าจับกุม บางพื้นที่ยังมีคนออกไปซื้อของที่ตลาดอย่างเนืองแน่นเหมือนปกติ
ในที่สุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม หรือวันที่ 3 ของการปิดประเทศ รัฐบาลตัดสินใจนำกำลังทหารมาทำงานร่วมกับตำรวจในการควบคุมประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม ตันสรีอิสมาแอลซับรียะโกป รัฐมนตรีอาวุโสด้านกลาโหม ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมที่เข้มงวดขึ้น กล่าวคือ ทหารจะร่วมลาดตระเวนและตั้งด่านพร้อมกับตำรวจ สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และให้ทหารใช้สิทธิตามกฎหมายได้ หากเกิดการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ตอนช่วงค่ำของวันเดียวกัน ยังดีเปอร์ตวนอากง สุลต่านอับดุลเลาะห์ มุสตาฟาบิลลาห์ชาห์ กษัตริย์มาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ทางทีวี โดยสื่อสารกับประชาชนไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล พระองค์ทรงร้องขอให้ทุกคนเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่เดินทางกลับไปบ้านเกิด และปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกัน อดทนและให้เข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศว่ากำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน
หลายฝ่ายเชื่อว่าหากยังไม่ได้ผล มีแนวโน้มที่รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉิน และ Lockdown อย่างเต็มรูปแบบ
เกิดอะไรขึ้นบ้างตลอด 5 วันที่ผ่านมา
ภาคเอกชน บริษัทส่วนใหญ่ให้ทำงานจากบ้านหรือ Work from Home ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น แต่บริษัทต้องขออนุญาตกับทางตำรวจ และออกบัตรให้พนักงานพกติดตัว และแสดงบัตรเมื่อถูกตำรวจเรียกตรวจ
นายจ้างต้องจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวนแก่พนักงาน และไม่ให้นับช่วงเวลา 14 วันนี้เป็นวันหยุดพักร้อนประจำปีของพนักงาน สำหรับลูกจ้างรายวันที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนต้องหยุดงาน ทางรัฐบาลจะจ่ายค่าชดเชยให้จำนวน 600 ริงกิต เป็นเวลา 6 เดือน
กระทรวงการคลัง จัดงบประมาณจำนวน 3,300 ล้านริงกิต ตั้งกองทุนภายใต้ธนาคารกลาง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อยอื่นๆ และขยายเวลาในการยื่นภาษีเงินได้ประจำปีไปอีก 2 เดือน
ไม่เก็บค่าเช่า 1 เดือนกับผู้ค้ารายย่อยที่เช่าที่ของสำนักงานกัวลาลัมเปอร์ ส่วนของหน่วยราชการอื่นๆ ที่อยู่นอกเขตเมือง ลดค่าเช่าให้ 30% และพักหนี้ 6 เดือนสำหรับผู้ที่กู้เงินจากโครงการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อย
ด้านสาธารณสุข มีการจัดงบประมาณจำนวน 259 ล้านริงกิตให้กับโรงพยาบาล 26 แห่งทั่วประเทศเพื่อซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และให้เงินพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกคนอีกเดือนละ 400 ริงกิต
จัดงบประมาณอีก 70,000 ริงกิตเพื่อเป็นทุนวิจัยและพัฒนาเบื้องต้นเกี่ยวกับวัคซีนและยาต้านไวรัส
อนุญาตให้มีการนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันมีการควบคุมโรงงานผลิตหน้ากาก ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อนทุกครั้งที่จะส่งออกหน้ากากไปต่างประเทศได้
การบริการและช่วยเหลือประชาชนในอีกหลายด้าน อาทิเช่น
- ธนาคารหลายแห่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า เช่น ลดดอกเบี้ยเงินกู้
- ระบบขนส่งสาธารณะยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่คนโดยสารน้อยมาก
- TNB หรือ การไฟฟ้าของมาเลเซีย ลดค่าไฟ 15% เป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่เมษายนถึงกันยายน เพราะคนอยู่บ้านนานๆ ย่อมใช้ไฟมาก
- รัฐบาลจัดงบประมาณค่าอาหารให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ยังมีนักศึกษาพักในหอพักของมหาวิทยาลัย
- หอสมุดแห่งชาติแจก e-book ฟรี 13.2 ล้านเล่มให้ไปโหลดอ่าน
- ร้านอาหารเปิดได้แต่ให้บริการผ่าน Food Delivery
- รัฐบาลเตรียมนำชาวมาเลเซียในอิหร่าน อินเดีย และอิตาลี กลับประเทศ
- มีชาวมาเลเซียจำนวน 400,000 คน ทำงานในสิงคโปร์ และมีจำนวน 200,000 คน ทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับ ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันโดยสิงคโปร์จะจัดที่พักให้ชาวมาเลเซียที่ทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับในช่วง 14 วันนี้ และจะมีการตรวจสุขภาพออกใบรับรองแพทย์ เมื่อจะกลับมาเลเซีย
ขณะเดียวกันสินค้าจากมาเลเซียที่จำเป็น เช่น อาหาร ยังส่งออกไปยังสิงค์โปร์ได้ตามปกติ
- รัฐบาลจีนส่งเวชภัณฑ์ชุดแรกมาถึงมาเลเซียแล้ว
- กลุ่มหมอ ตำรวจ ดับเพลิง และงานอื่นๆ ที่อยู่แนวหน้าออกแคมเปญ “I stay at work for you, you stay at home for us” #DudukRumah #StayAtHome
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปในกรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นไปอย่างเงียบเหงา ประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางออกนอกเมืองไปแล้วตั้งแต่ก่อนปิดประเทศ อีกส่วนเก็บตัวอยู่ในบ้านแต่ยังสามารถออกไปหาซื้ออาหารสดและสิ่งของจำเป็นได้ โดยจำกัดให้ครอบครัวละหนึ่งคนเท่านั้นที่จะออกไปได้ และเมื่อรัฐบาลประกาศนำกำลังทหารมาทำงานร่วมกับตำรวจ ประชาชนได้ออกไปหาซื้ออาหารมาตุนไว้ บางบริษัทที่เข้าข่ายเป็น Essential Services ที่ยังให้พนักงานมาทำงานในออฟฟิศ ก็ทำการปิดออฟฟิศแล้วให้พนักงานทำงานจากบ้านแทน เนื่องจากกังวลว่าทหารจะใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่าตำรวจ และอาจจะประกาศภาวะฉุกเฉินตามมา
ส่วนคนไทยที่ทำงานในมาเลเซียราวแสนกว่าคนและนักศึกษาไทยอีก 1,100 คน ได้ทยอยเดินทางกลับไปประเทศไทยแล้ว 50,000 คน ผ่านด่านชายแดนไทย-มาเลเซียทุกด่าน ก่อนที่ด่านไทยจะประกาศปิดในวันนี้ แต่ยังให้คนไทยเข้าไปได้
ตอนนี้มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 1,183 คนสูงสุดในอาเซียน เสียชีวิตแล้ว 8 คน
และต้องติดตามการประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ เพิ่มเติมแบบวันต่อวัน ในส่วนของรัฐต่างๆ ยังมีการประกาศมาตรการที่ใช้เฉพาะในรัฐของตน คนไทยที่อาศัยอยู่ตามรัฐต่างๆ ต้องติดตามข่าวที่ออกประกาศโดยรัฐบาลท้องถิ่นด้วยอีกทางหนึ่ง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: