ทางการมาลาวีเผยว่า ไซโคลนเฟรดดี หนึ่งในพายุที่ทรงพลังที่สุดที่เคยได้รับการบันทึกไว้ในแถบซีกโลกใต้ พัดถล่มมาลาวีอย่างหนักเมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 200 ราย ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 600 ราย ขณะที่อีกราว 40 รายยังคงสูญหาย
หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะที่เมืองแบลนไทร์ เขตศูนย์กลางทางการค้าในมาลาวีที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เส้นทางสัญจรและสะพานหลายจุดพังเสียหาย เกิดภาวะดินโคลนถล่ม ส่งผลให้การปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาลาวีรายงานว่า ขณะนี้ไซโคลนได้อ่อนกำลังลงแล้ว แต่อิทธิพลของไซโคลนยังคงทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมพัดแรง โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคใต้ของมาลาวี
โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเฟรดดีได้พัดถล่มโมซัมบิกอย่างหนักเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ประชาชนราว 4,000 ครอบครัวต้องหาที่หลบภัยชั่วคราว ก่อนที่ไซโคลนจะเคลื่อนตัวเข้าไปยังชายฝั่งของมาลาวี ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตรวมจากไซโคลนดังกล่าวที่พัดถล่มมาลาวี โมซัมบิก และมาดากัสการ์ นับตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมถึงครั้งนี้ที่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน สูงกว่า 230 รายแล้ว หลายฝ่ายคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก หากการช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ภาพ: Amos Gumulira / AFP
อ้างอิง: