สยามแม็คโคร เปิดแผน ‘ก้าวใหม่แม็คโคร หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์’ เตรียมงบลงทุนสำหรับธุรกิจของ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ (LOTUS) ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) ไว้ประมาณ 130,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวางเป้าหมายปี 2568 เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 10% พร้อมคาดรับโอนกิจการโลตัสส์แล้วเสร็จภายใน 25 ตุลาคมนี้ จ่อคิวเข้าคำนวณดัชนี SET50 หลังเพิ่มทุน หนุน Free Float เป็น 15%
สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ หากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/64 ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ อนุมัติให้รับโอนกิจการของโลตัสส์ และอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (PO)
โดยภายใน 2 สัปดาห์หลังจากรับโอนกิจการแล้ว บริษัทจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อตลาดหลักทรัพย์และสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอออกหุ้นเพิ่มทุน PO เบื้องต้นคาดว่าน่าจะออกหุ้นเพิ่มทุนได้ราวสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับหน่วยงานกำกับพิจารณาด้วย
หลังจากการเสนอขาย PO แล้วเสร็จ จำนวนหุ้นหมุนเวียนในมือของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากปัจจุบันอยู่ที่ 7% ส่งผลให้ง่ายต่อการซื้อขายและเข้าลงทุนในหุ้น MAKRO ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้น และได้รับเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี SET50 ได้ และดัชนีสำคัญอื่นๆ
การเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสการเติบโตจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและประชากรหลายร้อยล้านคน โดยกลุ่มบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
แผนธุรกิจภายหลังการรับโอนกิจการคือการขยายไปในตลาดอาเซียน ปัจจุบัน แม็คโครมีสาขาในต่างประเทศ 7 สาขา ประกอบด้วย กัมพูชา 2 สาขา, เมียนมา 1 สาขา, อินเดีย 3 สาขา และ จีน 1 สาขา ขณะที่โลตัสส์มีฐานการตลาดที่ใหญ่ในประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทได้วางงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 2564-2568) ไว้ประมาณ 130,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนของแม็คโคร 60,000 ล้านบาท และงบจากโลตัสส์ 70,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของบริษัท ซึ่งนอกจากการขยายสาขาแล้วบริษัทจะหันมาเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งในด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบหลังบ้านของแม็คโครและโลตัสส์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ในอนาคต และเทคโนโลยีที่จะมายกระดับแพลตฟอร์มการขาย เชื่อมโยงจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ (O2O) และลงทุนใน Big Data เพื่อให้กลุ่มบริษัทสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าทั้งที่เป็นซัพพลายเออร์และผู้บริโภค เพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด
เสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAKRO เปิดเผยว่า การรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานที่จะสามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย และภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น จะส่งผลให้หลักทรัพย์ของบริษัทมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่างๆ และเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทคือ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด จะได้รับจัดสรรหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าวจะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ตนถืออยู่ในบริษัทด้วยบางส่วนพร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย