รัฐทำอะไรได้บ้างเมื่อประกาศ ‘หน้ากากอนามัย’ เป็นสินค้าควบคุม

วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ขอความเห็นชอบให้ 1. หน้ากากอนามัย 2. วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย (Spunbond) 3. เจลล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม

เพราะฉะนั้นขั้นตอนกระบวนการจากนี้ไปก็คือ เร่งดำเนินการให้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมายต่อไป ส่วนกระบวนการในการประกาศนั้น ตนได้ขอให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการลงประกาศให้เร็วที่สุด และตนจะลงนามประกาศกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นสินค้าควบคุมทันที คาดว่า ถ้าเป็นไปได้จะเสร็จสิ้นภายในวันนี้ และในวันพรุ่งนี้กรมการค้าภายในสามารถดำเนินการออกมาตรการต่างๆ ในการกำหนดอย่างน้อย 4 เรื่อง ที่จะสามารถดำเนินการได้เมื่อกำหนดเป็นสินค้าควบคุม คือ

การขอให้แจ้งข้อมูลสำหรับผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือผู้จัดจำหน่าย และผู้ที่นำเข้า ผู้ที่ส่งออก ฯลฯ โดยแจ้งข้อมูลในเรื่องของการผลิต การครอบครอง การจำหน่ายที่เกี่ยวข้อง ที่จะเป็นประโยชน์ในการเข้าไปดูแล

การกระจายสินค้าสามารถที่จะเข้าไปดำเนินการได้ว่า ผู้ผลิตจะต้องส่งไปที่ไหน อย่างไร เพื่อให้สินค้าได้กระจายไม่ไปกระทบที่ใดที่หนึ่ง

เรื่องของการส่งออก สามารถเข้าไปดำเนินการที่จะกำหนดได้ว่า การส่งออกเกินกว่าจำนวนเท่าไรจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อควบคุมปริมาณเบื้องต้น ถ้าหาก 500 ชิ้นขึ้นไป ต้องขออนุญาตส่งออกหรือขออนุญาตเคลื่อนย้ายออกนอกราชอาณาจักร

เรื่องของการติดป้ายแสดงราคาจำหน่าย รวมทั้งการที่จะต้องขายให้ตรงกับราคาที่ติดไว้

จุรินทร์กล่าวว่า หลังจากประกาศให้สินค้าควบคุมจัดไปตามกระบวนการทั้งหมดแล้ว คาดว่า พรุ่งนี้กรมการค้าภายในสามารถที่จะดำเนินการในเรื่องของการออกประกาศได้ ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายต่างๆ ไปพลางก่อน สำหรับคำถามเรื่องสินค้าขาดตลาดบางแห่งนั้น เป็นเรื่องของกรมการค้าภายในต้องเข้าไปเร่งประสานการกระจายสินค้า เพื่อให้มีความทั่วถึง และต้องยอมรับว่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีการขาดแคลนของหน้ากากอนามัยเป็นหย่อมๆ เป็นเรื่องที่พาณิชย์จังหวัดจะต้องเป็นผู้ดำเนินการรายงานข้อมูลทั้งหมดเข้ามายังส่วนกลาง และกรมการค้าภายในเข้าไปบริหารจัดการในเรื่องของการกำหนดให้มีการกระจายสินค้าให้มีความทั่วถึง

โดยกรมการค้าภายในจะต้องเชิญผู้ผลิต ซึ่งวานนี้ (3 กุมภาพันธ์) ได้หารือแล้ว และผู้ที่ขายส่งเป็นจุดใหญ่ แล้วร้านปลีกก็จะมารับไป ก็ต้องมาคุยกันว่า จะกระจายอย่างไร เพื่อที่จะคลี่คลายให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว

ส่วนเรื่องที่ต้องกำหนดจำนวนชิ้นในการขายต่อคน ขอให้เป็นเรื่องของกรมการค้าภายในเป็นผู้กำหนดว่าควรจะกำหนดหรือไม่ อย่างไร แต่เท่าที่ทราบขณะนี้ ร้านขายส่ง-ขายปลีกบางส่วนก็กำหนดสำหรับเป็นมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการซื้อไปเก็บไว้ใช้เกินกว่าจำนวนที่จำเป็นต้องใช้ เพราะว่าอาจมีผู้กังวลเรื่องสุขภาพ อาจจำเป็นต้องใช้เพิ่มจากปกติ 10 ชิ้น ก็อาจจะซื้อเผื่อไว้เป็น 20-30 ชิ้น หากคิดตรงกันหมด สินค้าก็จะขาดตลาดได้ จึงจะเข้าไปบริหารจัดการต่อไป

โดยทางกรมการค้าภายในจะเข้าไปบริหารจัดการได้ในเรื่องของการกำหนดและมีโทษตามกฎหมาย ถ้าพบว่า มีการขายแพงเกินจริง ทั้งทางออนไลน์และอื่นๆ โดยหากผู้ใดพบสามารถแจ้งได้ที่ 1569 จะมีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา หรือหากเป็นกลางคืน สามารถที่จะบันทึกเสียงไว้ได้ และเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดำเนินการรายงานกลับมายังวอร์รูมของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน เข้าไปแก้ปัญหาต่อไป

นอกจากนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดก็เข้าไปตรวจในทุกจังหวัดอยู่แล้ว ตามที่สั่งการลงไป และมีการรายงานกลับมาที่วอร์รูม ส่วนที่มีการแจ้งข้อมูลเข้ามา และส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ โดยขอให้ข้อมูลมีรายละเอียดเพิ่มเติม ซื้อที่ร้านไหน ราคาเท่าไร เป็นสินค้าชนิดไหน เพราะบางครั้งแต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกัน