เคยมีคำวิจารณ์เชิงปรามาสว่า ‘หนังตะลุงตายแล้ว’ เพราะเป็นศิลปะพื้นบ้านที่เล่นแบบตามมีตามเกิด ในงานวัด งานบ้าน ตามหัวไร่ปลายนา ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากภาครัฐ ภาคเอกชนใดๆ ดุจเดียวกับ ลิเก ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว
จะหาดารามาชูโรงก็ยาก เมื่อนึกถึงวงลำตัดยังมีหวังเต๊ะ เพลงอีแซวมี แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ หรือ ลิเกมี ไชยา มิตรชัย แต่หนังตะลุงไม่มีตัวบุคคลจริง
ตัวชูโรงของหนังตะลุง เป็นไอ้เท่ง ไอ้นุ้ย หรือนางเบียน (นางร้าย) ซึ่งเป็นตัวหนัง ไม่ใช่ตัวคน
เราอาจได้ยินชื่อ นายหนัง ‘พร้อมใหญ่’ นายหนัง ‘พร้อมน้อย’ แห่งพัทลุง ซึ่งเป็นยอดฝีมือนักเชิดหนัง ไม่ใช่ตัวแสดงจริง
ความจริงแล้ว นายหนัง เป็นอัจฉริยะศิลปินที่ต้องใช้ความสามารถรอบตัวในเวลาแสดง สองมือต้องเชิดตัวหนัง เคลื่อนไหวตัวหนังทั้งปลายคาง ใบหน้า แขนขา หัวไหล่ ปากต้องร้องกลอนหนัง แยกตัวละครได้ เดี๋ยวเป็นเจ้า เดี๋ยวเป็นไพร่ เดี๋ยวเป็นพระเอก เดี๋ยวเป็นนางเอก เดี๋ยวเป็นนางร้าย
ถ้ามีตัวละคร 12 ตัว ก็ต้องพากย์เสียงร้องบทกลอนหนังตะลุงและเสียงพูด 12 เสียง ให้เดินเรื่อง และโต้ตอบกัน อย่างแม่นยำตามเสียงและลีลาเฉพาะของแต่ละตัว
น่าอัศจรรย์ว่า นายหนังทำได้อย่างไรในตัวคนเดียว
ณ วันนี้ กล่าวได้ว่า ‘นางเอกหนังลุงทั้งเจ็ด’ มีบทบาทสำคัญที่เข้ามาฟื้นชีวิตคืนชีวาให้กับหนังตะลุงอย่างแพร่หลาย รวดเร็วและมีพลังยิ่งนัก
มี ‘นางวาสนา’ ในชุดเสื้อสีแสดแขนกุด เป็นตัวจริงเสียงจริง ที่โลดแล่นบนเวทีอย่างตรึงใจผู้คนนับล้านบนหน้าจอไฟฟ้า หรือที่นิยมเรียกว่า Social Media
คุณค่าของชุดนางเอกหนังลุง อาจเรียงร้อยเป็นคำกวีได้ประมาณนี้
ถอดแบบจากตัวหนัง เมลืองมลังในร่างคน
เจ็ดนางเอกยินยล กระจายแจ่มบนหน้าจอ
เท้าเอวและยักไหล่ ชะโงกง้ำทำตัวงอ
ทิ้งแขนขยับคอ ท่าชี้นิ้วชำนิชำนาญ
กระดึ๊บ กระดึ๊บ เดิน เรียงลำดับหน้ากระดาน
ทุกย่างก้าวตระการ สืบตำนานหนังตะลุง
ฟ้าสร้างและดินเสก เป็นนางเอกควรบำรุง
แต้มแต่งและแปลงปรุง ผดุงไว้ในแผ่นดิน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คลิปชุด ‘นางเอกหนังลุง’ ถูกแชร์ต่อมากมายมหาศาล โดยเฉพาะ นางวาสนากับนางโฉมงามนั้น ผ่านตาคนในโลกออนไลน์หลายล้านคนแล้ว
ครูนาฏศิลป์หญิงคนหนึ่ง โพสต์ลงใน FB ว่า
“ทุกคนที่นำตัวหนังมาแสดงนี้ ใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่ามาใช้ประกอบการแสดง นางวาสนาก็เหมือนนางเอกตัวอื่นที่นำนาฏยศัพท์ในบทเรียนมาใช้ แต่ที่วิเศษคือ ท่าเดิน กระดึ๊บๆ และท่าถอยหลังตามจังหวะดนตรี สอดคล้องกันอย่างลงตัว เป๊ะ เป๊ะ และท่านาฏแขนของนาง เหมือนนางหนังลุง (นางแขนอ่อน) นาฏได้อรชร พร้อมทั้งบิดตัว เล่นไหล่เป๊ะมาก แถมสายตา ดวงตา ปิ๊ง ปิ๊ง ยิ้มในใบหน้า แบบเชิญชวนให้มองแล้วหลงใหล ร้องออกมาได้เลย ฮาย สุดสวย สุดยอด สวิง ดิงโก้ จริงๆ นางเอกหนังตัวอื่นก็สวยสุดยอดไม่น้อยหน้ากว่ากันค่ะ ครูมองตัวหนังทุกตัว ต้องโยกย้ายตัวตามไปด้วย ตามนิสัยคนเรียนนาฏศิลป์ค่ะ จะเอียงซ้าย เอียงขวาตาม รู้สึกสุขใจและปลื้มปริ่มมากๆ ชมการแสดงเสร็จ เอวนี้เมื่อยไปเลย”
นี่คืออานุภาพของการแสดงที่สามารถดึงเอาผู้ชม แม้อยู่ที่หน้าจอซึ่งห่างไกลกัน ยังเข้ามาออกท่าออกทาง มีอารมณ์ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับนักแสดง
ผ่านการแนะนำของผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ทำให้ผู้เขียนได้ต่อสายคุยตรงกับอาจารย์ธัชกร นันทรัตนชัย อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรสาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
เมื่อถามไถ่ถึงเบื้องหลังการถ่ายทำ ‘นางเอกหนังลุง’ จึงทราบว่า การนำเสนอในรูปแบบหนังตะลุงคน คือใช้ร่างกายคนเล่นจริงแทนตัวหนังนั้น ก่อนหน้านี้วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง ดำเนินการมาแล้ว 2 ชุด

ชุดแรก เป็นการรวมดาวตลก 9 ตัว จากนิทาน 9 เรื่อง เช่นไอ้เท่ง ไอ้นุ้ย ทุกตัวนุ่งโสร่งสีดำ แต่งตามรูปลักษณ์ตามท้องเรื่อง
ชุดที่สอง ผลงานของนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 5 (ตามหลักสูตรเดิม) เป็นการรวมนางเบียน คือนางร้ายของเรื่อง ลักษณะริมฝีปากหนาทาสีแดง มุมปากคว่ำ ผมหยัก ขยับแขนได้ทั้งสองข้าง

เมื่อมาถึง ชุดที่สาม คือชุดนางเอกหนังลุง เป็นการคัดเลือกเฉพาะตัวนางเอกจากนิทาน 7 เรื่อง ที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เป็นงานภาคนิพนธ์ของนักศึกษาปีสุดท้ายที่ได้รับมอบหมายให้ไปสรรหาตัวแสดง สาระและรูปแบบการนำเสนอ
อ.ธัชกร ชี้แจงว่า ทีมนักศึกษาที่ทำงานนี้มีรวม 11 คน “ตอนแรกเขาคิดกันว่า จะนำเสนอตัวแสดงหนังตะลุงแบบทั่วไป แต่อาจารย์ที่รับผิดชอบแนะว่าลองไปคิดให้มีลักษณะเป็นรูปธรรมเฉพาะ น่าจะดีกว่า”
นักศึกษาทั้ง 11 คน ลงพื้นที่ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนายหนังตะลุงในพื้นที่พัทลุงทั้งสามคณะ
1. คณะรุ่งวิเชียรตะลุงเสียงทอง อำเภอเมือง
2. คณะก้องฟ้าดาราศิลป์ อำเภอศรีนครินทร์
3. คณะเลิศฟ้าตะลุงสากล อำเภอควนขนุ
นักศึกษาพบว่า นางเอกจาก 7 เรื่องจากคณะหนังตะลุงทั้งสามคณะเป็นความลงตัว มีจุดร่วมคือทุกคนเป็นนางเอก รูปร่างดี แต่งตัวสวยงามตามท้องเรื่อง มีลักษณะเด่นตามกลอนหนัง ดังนี

1.นางวาสนา จากเรื่องทาสแค้น
“ฉันชื่อวาสนาอยู่บ้านป่าไกลกรุ เรื่องทาสแค้นชื่อนิยายแสนดังเครื่องแต่งกายฉันหาม่ายชุดสวย ดูเรียบง่ายตามสไตล์รูปหนัง”
2.นางโฉมงาม จากเรื่องด้วยแรงอธิษฐาน
“อดีตนางฟ้าถูกสาปมาเป็นสาวแก่ พบรักแท้กลับกลายเป็นสาวสวย ใส่ชุดหรูสไบงามร่ำรวย เล่าเรื่องด้วยแรงอธิษฐานนางโฉมงาม”
3.นางบุษบา จากเรื่องฟ้าบันดาล
“หนูนี้บุษบา จากเรื่องฟ้าบันดาล อุบลฐานที่กำเนิด นุ่งซิ่นเฉิดลายบัวสาย”
4.นางสุนิสา จากเรื่องปริศนา
“หนูชื่อสุนิสา จากปริศนานิยายหนัง
สวมกระบังงามหนักหนา เสื้อกานดาสีหน้าเหลียว“
5. นางเลือดขาว เจ้านิยาย
“ผู้ก่อตั้ง สร้างเมืองลุง
อุปปาติกาจากป่าไผ่ ถือปัทมาสร้างวัดวา”
6.นางเพชรนาคี จากเรื่องลูกเทวดา
“เพชรนาคี บุตรีเจ้าวังฃ
ภุชงค์ท่าน แห่งบาดาลกรุงศรี
สวนบังหน้า รูปหน้าสวยดี
นิยายนี้ลูกเทวดาเรื่องหนัง”
7.นางมัสสุหรี มาจากเรื่อง นางเลือดขาว
“มัสสุหรีลังกาวีเมืองดัง
นางเลือดขาวชื่อดังเจ้าตำนาน
กตัญญูกระทั่งหนูถูกฆ่า
ฮิญาบคลุมหัวถูกแม่ผัวสังหาร”
ในเวลาเพียง 9 นาที ของการนำเสนอนางเอกทั้ง 7 คน ด้วยบทบาทลีลาตามนิทานหรือตำนา
ประกอบเครื่องดนตรี ฉิ่งฉับ กรับโหม่ง ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายที่ถอดแบบมาจากหนังตะลุงเดิม ผสานกับรำไทย โดยมีจุดเด่นที่ความงามของนางเอกทั้งใบหน้า รูปร่าง และการแต่งกาย
เป็นศิลปะหนังตะลุงไทย ที่นำอดีตมารับใช้ปัจจุบันโดยศึกษาจากรากเหง้า เข้าใจปัจจุบัน และหมายมั่นสู่อนาคตโดย อ.ธัชกร ก็ยอมรับว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะมีเสียงตอบรับอย่างกว้างขวาง
ในยามที่สังคมไทยกำลังต้องการผู้นำที่เป็นแบบอย่างของความดี ความงาม ความเสียสละ นางเอกทั้งเจ็ดได้ทำหน้าที่เป็น ‘พลังหญิง’ ซึ่งสะท้อนผ่านสื่อสมัยใหม่ที่แรง เร็ว และมีพลัง ทำให้นางเอกทั้งเจ็ด ไม่เพียงเป็นนางเอกในนิทาน หรือตำนานเท่านั้น แต่ได้โลดแล่นออกมาเป็นนางเอกในใจของคนไทยทั้งประเทศด้วย
ใช่หรือไม่ว่า นี่เองเป็นเหตุให้นางเอกหนังลุง กลายเป็นกระแสศิลปะ ซึ่งนอกจากทำให้ศิลปะพื้นบ้านหนังตะลุงยกระดับขึ้นสู่คุณภาพใหม่ที่มีชีวิตชีวาแล้ว ยังร้อยรัดไว้ด้วยภาพจำแห่งความดีความงามที่สังคมไทยกำลังถวิลหา
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณเจน สงสมพันธ์, อาจารย์ขวัญใจ คงถาวร, ดร. พรเทพ บุญจันทร์เพ็ชร


