จากน้ำกัญชาสู่น้ำกระท่อม เจ้าของเบนโตะ-เจเล่ เปิดตัวจิ๊กซอว์ตัวใหม่ เมจิกฟาร์มเฟรช ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมสารสกัดใบกระท่อมในราคา 10 บาท หวังชนเจ้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง พร้อมเร่งเพิ่มกำลังผลิตโลตัสรสหม่าล่า หลังจากวางขายได้ 2 สัปดาห์ก็ขายดีจนผลิตไม่ทัน
วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP เล่าให้ฟังว่า กระแสน้ำกระท่อมค่อนข้างมาแรง ทำให้เห็นช่องว่างและโอกาสในตลาด จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมสารสกัดใบกระท่อม ภายใต้แบรนด์เมจิกฟาร์มเฟรช เข้าเจาะกลุ่มคนวัยทำงาน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตลาดเวียดนามเนื้อหอมไม่หยุด ‘ศรีนานาพร’ เจ้าของเบนโตะและเจเล่ ลงทุน 700 ล้านตั้งโรงงานถึงถิ่น
- SNNP – แนวโน้มการทำกำไร 4Q65 และปี 2566 มีโอกาสทำได้ดีกว่าคาดเดิม
- SNNP – คาดผลประกอบการของ 4Q65 จะเป็น Record High
ในช่วงระยะแรกคาดหวังยอดขายอยู่ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือน และมีเป้าหมายชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 5% จากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมูลกว่า 3 หมื่นบาท
ทั้งนี้ ต้องรอประเมินผลตอบรับหลังจากวางขาย ประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากกระแสกัญชาในช่วงที่ผ่านมาคึกคักอย่างมาก แต่ปัจจุบันสภาวะตลาดเริ่มชะลอตัวลงแล้ว
แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมสารสกัดใบกระท่อมนั้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนขับเคลื่อนธุรกิจให้มีรายได้กว่า 8 พันล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้
วิโรจน์ฉายภาพต่อถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของศรีนานาพร ยังดำเนินการตามยุทธศาสตร์หลัก คือตอกย้ำความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์เดิม ออกมาสู่ตลาดอยู่เป็นระยะๆ ล่าสุดได้เปิดตัวโลตัสรสหม่าล่า เพื่อรองรับกระแสที่คนรุ่นใหม่นิยมกินหม่าล่ามากขึ้น โดยหลังจากวางขายได้ 2 สัปดาห์ก็ขายดีจนต้องเพิ่มไลน์การผลิต
เช่นเดียวกับไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเยลลี่ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งประเมินว่าจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ค่อนข้างดี
“ต้องยอมรับว่าเราพยายามจะขยายสินค้าใหม่ในรูปแบบพรีเมียมภายใต้แบรนด์เดิม เพราะการสร้างแบรนด์ใหม่ต้องใช้เวลาและงบประมาณเพื่อสร้างการรับรู้สูงมาก”
ดังนั้น การเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าด้วยแบรนด์เดิมจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม และหากสังเกตจะเห็นว่าสิ่งที่ศรีนานาพรให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ Consumer Research การพัฒนาสินค้าใหม่จะปรับตัวตามเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคมาต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ข้างต้นจะช่วยให้รองรับตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดสแน็กที่มีมูลค่ากว่า 3.7 หมื่นล้านบาท สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมาตลอดคือการทำกิจกรรมการตลาดเพื่อผลักดันให้สินค้าขายดี โดยทุกปีจะใช้งบราวๆ 3% ของรายได้รวมทั้งหมด
หากเจาะลึกมาถึงสินค้าที่เป็นตัวชูโรงคือ เบนโตะ ตามด้วยเจเล่ และโลตัส โดยสินค้าของศรีนานาพรจะต้องมีอยู่บนชั้นวางของทุกช่องทางจำหน่ายตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคของตลาดขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มจะมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ค่อนข้างน้อย พร้อมเปลี่ยนใจได้ทันทีหากมีสินค้าที่เด่นกว่าและน่าสนใจมากกว่า
ทั้งนี้ปัจุจบันสัดส่วนรายได้มาจากตลาดในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% ในอีก 2-3 ปี รายได้จากตลาดต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น หลังจากเพิ่งเปิดโรงงานผลิตสินค้าที่เวียดนาม 1 แห่งไปเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าผลิตสินค้าแบรนด์โลตัส เบนโตะ และเจเล่ กระจายสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันแนลเทรดกว่า 1.4 แสนร้านค้า เริ่มมียอดขายเติบโตขึ้นจากพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวเวียดนามที่มีความชื่นชอบสินค้าไทยและให้การตอบรับเป็นอย่างดี
จากนี้โรงงานที่เวียดนาม เตรียมผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ใน CLMV และประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา สปป.ลาว ตามด้วยจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับดิสทริบิวเตอร์ รวมถึงตลาดอินโดนีเซียก็น่าสนใจเช่นกัน
“ที่สำคัญภายใน 3 ปี สินค้าของศรีนานาพรจะต้องเข้าไปเจาะตลาด CLMV ได้อย่างแข็งแกร่ง และจะทำให้บริษัทกลายเป็นออริจินัลเพลเยอร์ได้อย่างเต็มตัว” วิโรจน์ย้ำ
