นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรือ หญิงลี เน็ตไอดอลชื่อดังจากเพจเฟซบุ๊ก VEEN ซึ่งเพิ่งจะเกิดปรากฏการณ์หัวลำโพง-สยามพารากอนแตกไม่นานมานี้ หลังกลุ่มมวลมหาแฟนคลับวัยรุ่นในชื่อ ‘เยาวรุ่น’ ร่วมกันไปต้อนรับการมาเยือนกรุงเทพมหานครของเธอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างคับคั่ง เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นนานแล้วสำหรับบุคคลที่จะได้รับความนิยมอย่างมากมาย จนทำให้สถานที่ต่างๆ แน่นไปขนัดตาในเวลาอันรวดเร็ว
การมากรุงเทพมหานครของเธอในครั้งนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมาย จนรายการดังหลายรายการต้องชวนมาออกรายการเพื่อเรียกเรตติ้ง และทำให้ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในสังคมไทยที่ทุกคนต้องพูดถึงตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ผู้เขียนยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเยาวรุ่นที่ไปต้อนรับแม่หญิงลีที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา หลังติดตามดูคลิปไลฟ์ของเธอหลายต่อหลายครั้ง จนซึมซับเป็นเยาวรุ่นเมืองทิพย์ไม่รู้ตัว
การที่เธอได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วมากขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องบังเอิญ แต่เพราะเธอเป็น ’นักสื่อสารออนไลน์’ ที่วางตัวได้อย่างชาญฉลาด เธอรู้ว่าจังหวะไหนควรดันเพดาน จังหวะไหนควรปล่อยผ่าน ที่มาถูกที่ถูกเวลาในช่วงที่หลายๆ คนต้องการสิ่งเยียวยาจิตใจจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติของบ้านเมืองในปัจจุบัน
ผู้เขียนวิเคราะห์การมาของเธอในครั้งนี้ และขอเรียกเธอว่า ‘หญิงลี’ เผื่อที่ว่าศิลปิน หรือเน็ตไอดอลในยุคออนไลน์หลังจากนี้จะนำแนวทางความปังของเธอเป็นกรณีศึกษา ‘นะน้องนะ’ และเสียดสีชนชั้นด้วยภาษาที่เหนือชั้น พร้อมพ่วงคาแรกเตอร์ติดดินกับการตั้งคำถาม ‘คนเท่ากัน’
เสียดสีชนชั้นด้วยภาษาที่เหนือชั้น พร้อมพ่วงคาแรกเตอร์ติดดินกับการตั้งคำถาม ‘คนเท่ากัน’
เป็นที่รู้กันว่าชื่อ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ นั้นมาจากตัวละครในเรื่อง เพลิงพระนาง ที่ฉายในช่อง 7 เมื่อหลายก่อน ซึ่งหญิงลีก็ยอมรับว่าเธอได้แรงบันดาลใจในการสถาปนาชื่อนี้มาจากละครในเรื่องนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือภายใต้ความเป็นเจ้านางนี้ คาแรกเตอร์ของพระมหาเทวีเจ้าได้พลิกบทบาทของชนชั้นสูงศักดิ์ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะโชว์คลิปพาชมทุ่งนา เล่นน้ำในคลอง หรือการวีน ‘อีทิพย์’ ดูโอ้ของเธอในร้านทำผมหลังจากหนีบผมให้เธอไม่เรียบ
การแสดงออกต่างๆ นี้ก็ทำให้ผู้ที่ติดตามเธอมาตั้งแต่เปิดเพจรู้สึกถึงความติดดินของเธอ ทั้งๆ ที่มาจากอีกชนชั้นที่ห่างไกลจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมได้
ด้วยคาแรกเตอร์ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ เป็นชนชั้นสูง จึงมีการใช้ภาษาในระดับที่สูงกว่าคนทั่วไปที่เป็นการเสียดสีชนชั้น Elite ที่ถึงแม้การใช้ศัพท์ของเธอในบางครั้งจะมีการด่าทอ แต่ฟังแล้วกลับได้อรรถรส เสียดสีสังคมด้วยอากัปกิริยาความเอาแต่ใจของพระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ที่สร้างความแปลกหูแปลกตาไปจากมายาคติในสังคมของบุคคลที่สามารถทำอะไรก็ได้
ผู้เขียนเองเชื่อว่าการวางตัวที่ ‘สวนทาง’ กับชนชั้นของเธอ นำไปสู่ปฏิกิริยาต่างๆ ของคนในสังคม รวมถึงคนที่มีอำนาจว่าคนเราควรได้รับสิทธิพิเศษมากว่าใครหรือไม่ ซึ่งเป็นที่สอดคล้องกับกระแสของโลกในยุคปัจจุบันที่ให้คุณค่าของ ‘คนเท่าเทียมกัน’ ไม่มีใครสูงกว่าใคร และไม่มีใครต่ำกว่าใคร สามารถพูดถึงได้ว่าการวางตัวของหญิงลีนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากเน็ตไอดอลหลายๆ คน
แม่หญิงลี กับการแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน
ในยุคที่การเมืองปัจจุบันมีบรรยากาศร้อนแรงจากการชุมนุมที่ลากยาวมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว นำไปสู่การแบ่งขั้วทางการเมืองของคนในสังคมอย่างชัดเจน ในส่วนของกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบในศิลปินและนักแสดงไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานแฟนคลับวัยรุ่นเป็นหลัก ที่มีไม่น้อยมีความคาดหวังว่าไอดอลของตนจะออกมา ‘คอลเอาต์’ ทางการเมืองเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนประชาธิปไตย
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้เห็นภาพเหล่านี้จากศิลปินหรือนักแสดงไทยมืออาชีพมากนัก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่หญิงลีทำเป็นการกระทำที่ ‘สวนกระแส’ ของบุคคลสาธารณะในยุคนี้ ด้วยการออกมาสื่อสารทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เราจะเห็นเธอออกมาทวีตผ่านทวิตเตอร์ @Veen_official ไม่ต่ำกว่า 10 ข้อความแบบเรียลไทม์ถึงความไม่พอใจต่อการแสดงออกของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดการผู้ชุมนุม
นอกจากนี้ประโยคมีที่ฮิตติดลมบนอย่าง ‘ออกไปอีสัส’ ที่เดิมทีสื่อถึงความเบื่อในการสนทนากับคนที่คุยไม่รู้เรื่อง กลายเป็นข้อความที่ถูกนำมาใช้ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถึงแม้คำนี้จะเป็นคำที่อาจจะดูหยาบ แต่การสื่อสารของเธอกลับไม่หยาบโลนจนทำให้คนรู้สึกว่ารับไม่ได้
นอกจากนี้เธอก็ยังออกมาพูดในประเด็นอื่นๆ ของสังคมที่กระแทกใจวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มฐานแฟนคลับหลักที่ติดตามเธอมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นติดแฮชแท็ก #Dek64กำลังถูกทิ้งหรือ #กูสั่งให้มึงเลื่อนสอบที่ต้องการให้มีการเลื่อนสอบรายวิชาที่ใช้ในระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS64) เพราะวันสอบเหล่านี้ติดกันหลายวันในหนึ่งสัปดาห์ และอาจทับซ้อนกับวันสอบปลายภาคของโรงเรียนอีกด้วย
ผู้เขียนคิดว่านี่เป็นปัจจัยสำคัญที่คนรุ่นใหม่ในยุค Gen Y หรือ Gen Z ในฐานะผู้บริโภคที่จะมีอำนาจทางเศรษฐกิจมากขึ้นในอนาคตหลังจากนี้จะเลือกเสพคอนเทนต์ตาม ‘คุณค่า’ ที่ตนเองยึดถือ ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาพร้อมที่จะ ‘เท’ ศิลปินและนักแสดงมืออาชีพ ที่ถึงแม้จะชื่นชอบและมีชั่วโมงบินมาอย่างยาวนาน แต่ไม่สามารถสะท้อนเสียงของพวกเขาได้ และหันไปสนับสนุนไอดอลที่โด่งดังจากโลกออนไลน์ในยุคที่ทุกคนสามารถผลิตคอนเทนต์และกลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ของวงการได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็นำมาสู่การคำถามย้อนกลับไปถึงที่คนทำงานในวงการบันเทิงที่อาจต้องไปทบทวนว่าจุดขายของตัวเองต่อจากนี้ควรเป็นแบบไหน เมื่อการแสดงจุดยืนในประเด็นสังคมเป็นเรื่องสำคัญที่จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง ศัพย์ทิพย์ กับฐานแฟนคลับด้วย ‘เยาวรุ่น’ สร้างแบรดดิ้งที่แข็งแกร่ง
ศัพย์ทิพย์ กับฐานแฟนคลับด้วย ‘เยาวรุ่น’ สร้างแบรดดิ้งที่แข็งแกร่ง
ถึงแม้มีการทำมีมตลก การปล่อยซิงเกิลคัฟเวอร์เพลงดังในอดีตออกมาหลายเพลง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็งหญิงลีในความเป็น ‘ไอคอน’ ของคนรุ่นใหม่ คือการสร้างประโยคที่แปลกใหม่และโดนใจใครต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ‘เรามันเทสวัยรุ่น นะน้องนะ’ รวมถึงจะมีการบัญญัติศัพท์ใหม่ โดยเฉพาะคำว่า ‘ทิพย์’ ที่สื่อถึงการมโนถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง จนเป็นรากศัพท์และถูกนำมาขยายเป็นศัพท์อื่นๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น เมืองทิพย์ แฟนทิพย์ ฯลฯ
หากมองในมุมสื่อสารการตลาด ‘การสร้างคาแรกเตอร์’ ด้วยการใช้คำศัพท์ที่แหวกแนวเหล่านี้เป็นการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งมาก เมื่อพูดถึงคาแรกเตอร์นี้ก็จะจำได้ทันทีว่ามาจากหญิงลี ที่สามารถนำไปใช้ต่อได้ทั้งในโลกออฟไลน์-ออนไลน์โดยที่ไม่ต้องลงทุนการตลาดอย่างที่แบรนด์สินค้าดังมักจะทุ่มงบการตลาดเพื่อพีอาร์แบรนด์อย่างมหาศาล
นอกจากนี้การเลือกตั้งชื่อกลุ่มแฟนคลับตนเองว่า ‘เยาวรุ่น’ ที่มาจากการผสมของคำไทยสองคำคือ ‘เยาวชน + วัยรุ่น’ ก็เป็นการสร้างตัวตนของผู้ที่ติดตามเป็นกลุ่มก้อน ให้พวกเขารู้สึกถึง ‘Sense of Belonging’ หรือจิตใต้สำนึกที่รู้สึกถึงการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ที่พร้อมจะเคียงข้างสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการมีชื่อของกลุ่มแฟนคลับของศิลปินจีน เกาหลี หรือศิลปินไทย ไม่ว่าจะเป็น ‘ARMY’ ของวง BTS ที่สื่อถึง ‘กองทัพ’ ที่พร้อมจะปกป้องศิลปินที่เขารัก หรือ ‘นุช’ ของ เป๊ก ผลิตโชค
สร้างกระแสโลกออนไลน์เก่งแล้วหนึ่ง
นอกจากการเห็นไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่ายผ่านการไลฟ์สดกิจกรรมต่างๆ สิ่งที่หญิงลีทำได้เก่งมากคือการทำให้ข้อความของตนเองติดเทรนด์ทวิตเตอร์เมื่อไปเยือนตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะการพบปะแฟนคลับในกรุงเทพมหานคร ด้วยการเดินทางด้วยรถไฟ รวมถึงการมาที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่เธอเริ่มสื่อสารเพียงแค่ 1 วันล่วงหน้า แต่ไม่บอกถึงเวลาที่ชัดเจน ใช้เพียงคำว่า “เจอกันช่วงบ่าย” จนกลุ่มเยาวรุ่นเมืองทิพย์ต้องออกมาตั้งคำถามกับเธอว่า “บ่ายนี่บ่ายไหนคะแม่ บ่ายกะเทยหรือเปล่า”
ทำให้มวลมหาเหล่าเยาวรุ่นต้องเช็กการอัปเดตเวลาที่เธอจะปรากฏตัว ก่อนที่จะประกาศในชั่วโมงสุดท้ายในเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง และขอพลังแฟนคลับร่วมติดแฮชแท็ก #พระมหาเทวีเจ้าสะเด็ด ที่แฟนคลับร่วมกันรีแอ็กชันต่างๆ ผ่านแฮชแท็กนี้จนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ติด Top 5 ของทวิตเตอร์ประเทศไทยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระหว่างนั้นก็มีการไลฟ์สดที่มีคนดูกว่า 20,000 คน และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็มีคลิปรวมบรรยากาศของแฟนมีตติ้งสั้นๆ ปล่อยออกมาในพื้นที่ออนไลน์ของเธอทันที ทำให้การสื่อสารในโลกออนไลน์ของเธอได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง
กระแสความนิยมในโลกออนไลน์ได้ตอกย้ำอีกครั้ง เมื่อเธอไปเป็นแขกรับเชิญของรายการ โหนกระแส เมื่อวานนี้ (8 มีนาคม) และขอให้เยาวรุ่นได้ร่วมติดแฮชแท็ก #พระมหาเทวีเจ้าxโหนกระแส และตามมาด้วยข้อความทวีต “ไม่ขึ้นเทรนด์ทวิตอันดับ 1 ไม่ออกจากมาลีนนท์” ที่กระตุ้นให้คนร่วมติดแฮชแท็กนี้ จนในที่สุดสามารถทะยานขึ้นอันดับ 1 ในเวลาอย่างรวดเร็ว ที่เธอเองก็ออกมาขอบคุณด้วยประโยค “ฝันที่เป็นจริง กลับคุ้มได้”
ถูกบูลลี่แล้วไง เอาเอเนอร์จี้พลังบวกเข้าสู้
ต้องยอมรับว่าการมาของหญิงลีนั้นเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของโลกออนไลน์ เพราะเธอเองไม่ได้มีความงามตามค่านิยมของกระแสเน็ตไอดอลหรือศิลปินและนักแสดงในสังคม แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมากมายมหาศาลเพราะมาถูกที่ถูกเวลา
เมื่อคนในสังคมต้องการที่จะผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองจากการติดตามข่าวการเมือง หญิงลีจึงเปรียบเสมือนกับน้ำทิพย์ชะโลมใจที่เยียวยาจิตใจหลายๆ คนผ่านการชมคลิปที่เห็นความสดใส ความเป็นธรรมชาติของเธอหลายต่อหลายครั้ง
แต่ชื่อเสียงที่เข้ามาอย่างไม่ตั้งตัวนั้นก็แลกมาด้วยการ ‘ถูกบูลลี่’ ด้วยคำพูดจากชาวเน็ตที่วิจารณ์หน้าตาหรือรูปร่างของเธออย่างไม่แคร์ แต่กลายเป็นว่าการโต้ตอบของเธอผ่านรายการ โหนกระแส เมื่อวานนี้ถึงคนที่มาบูลลี่เธอด้วยประโยคที่ว่า
“หนูเป็นคนไม่อะไรกับใครอยู่แล้ว ใครจะบูลลี่ยังไง ทุกคนเข้ามาเห็นสัจธรรมความจริงในตัวเรา เราก็ยอมรับ และพร้อมปรับปรุงไปในทางที่ดี”
ที่สะท้อนว่าเธอก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ยอมรับในความเห็นที่แตกต่าง โดยคนที่ชอบเธอก็ได้เห็นความงดงามของเธอต่างจากมาตรฐานทั่วไป ยอมรับและรักในตัวเธอจากที่เธอเป็นเธอจากการตอบคำถามนี้
ส่วนคนที่มองเธอในแง่ที่ต่างออกไป ก็อาจต้องฉุกคิดว่า สิ่งที่แสดงออกด้วยคำพูดตัดสินคนอื่นเป็นการผลิตซ้ำความรุนแรงที่หล่อเลี้ยงในสังคมหรือไม่
ไม่ว่าการเดินทางของ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรือ หญิงลี หลังจากนี้ จากชื่อเสียงที่เข้ามาหาเธอไม่หยุดจะเป็นอย่างไร แต่การมีอยู่ของเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ของการแหวกขนบธรรมเนียมเน็ตไอดอลที่น่าสนใจ ที่อย่างน้อยได้สร้างบทสนทนาในสังคมมากขึ้น ถึงการตีความของความหลากหลายทางเพศ และคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจและความรู้สึก และการวางตัวของบุคคลในโลกออนไลน์ที่กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในสังคม ที่กล้าคิด กล้าทำ ในช่วงรอยต่อของการเมืองในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านในปัจจุบัน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: