โควิด-19 ทำ Louis Vuitton สะอึก ยอดขายของเครือ LVMH ทั่วโลกร่วง 15%

ถึงหลายคนจะมองว่าสินค้าหรูหรามักจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเท่าไรนัก ด้วยยังมีกำลังซื้อจากกลุ่มคนกระเป๋าหนักเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทว่าภาพแบบนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในวิกฤตโควิด-19 ซึ่งทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ต้องปิดหนี อาณาจักรธุรกิจสินค้าหรูหรา LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูคุ้นหูอย่าง Louis Vuitton, Dior และ Fenty Beauty ยังต้องสะอึก เพราะยอดขายทั่วโลกร่วงไป 15%

ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจหรูหรารายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2020 (มกราคม ถึง มีนาคม) มีรายได้ 1.06 หมื่นล้านยูโร หรือ 3.75 แสนล้านบาท ลดลง 15% ซึ่งตัวเลขนี้เป็นไปตามคาดการณ์ที่ออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคมว่ายอดขายจะลดลง 10-20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ยอดขายในทุกกลุ่มสินค้าลดลงอย่างถ้วนหน้า กลุ่มไวน์และสุราลดลง 14% ส่วนสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังทำรายได้ลดลง 10% เนื่องจากร้านค้าหลายแห่งทั่วโลกต้องปิดตัวลงชั่วคราว โดยมียอดขายจากออนไลน์เข้ามาช่วยชดเชยบ้างส่วน

ด้านกลุ่มน้ำหอมและเครื่องสำอางลดลง 19% กลุ่มธุรกิจนาฬิกาและจิวเวลรีลดลง 26% ส่วนธุรกิจค้าปลีกลดลง 26% เนื่องจาก Sephora ต้องปิดร้านทั้งหมดในจีนช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนร้านค้าในยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ปิดตัวลงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม แต่ยังดีที่มียอดขายจากออนไลน์เข้ามาชดเชยได้บ้าง

ขณะเดียวกันสถานการณ์ที่ดีขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เครือ LVMH หายใจหายคอได้บ้าง โดยยอดขายในกลุ่มแบรนด์หลักๆ อย่าง Louis Vuitton, Dior และ Sephora เริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในเดือนเมษายน

“เราเห็นอัตราการเติบโตที่สูงมาก บางครั้งเกินกว่า 50% นี่แสดงให้เห็นถึงความต้องการซื้อของคนจีน หลังจากอัดอั้นมานาน 2 เดือนที่ไม่ได้เดินเข้าไปที่ร้านค้า” Jean-Jacques Guiony หัวหน้าฝ่ายการเงินของ LVMH กล่าว และเสริมว่า Louis Vuitton คือแบรนด์ที่มีการเติบโตมากที่สุดนับตั้งแต่กลับมาเปิดร้านในแผ่นดินใหญ่

ทั้งนี้หากนับการเติบโตแบบออร์แกนิก จะเห็นตัวเลขยอดขายที่หดตัวลงถึง 17% ซึ่ง LVMH ระบุว่า วันนี้ยังเร็วเกินกว่าที่จะประเมินผลกระทบของการปิดร้านค้าและโรงงาน ที่จะเข้ามากระทบกับยอดขายและผลประกอบการประจำปี โดยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วงไตรมาส 2

เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะไม่คาดฝัน LVMH ได้ตัดเงินปันผลลง 30% เหลือ 4.80 ยูโรต่อหุ้น และปรับลดการลงทุนในปีนี้ลง 40% ด้าน เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ซึ่งเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดของฝรั่งเศส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลอดจนสมาชิกคณะกรรมการบริหารคนอื่นๆ จะงดรับเงินเดือนเดือนเมษายนและพฤษภาคม

อย่างไรก็ตาม Bain & Co. ได้ประเมินว่าตลาดลักชัวรีจะหดตัวลง 25-30% ในช่วงไตรมาสแรก พร้อมคาดการณ์ว่าหากสถานการณ์แย่ที่สุดในปี 2020 ตลาดลักชัวรีจะหดตัวลงมากถึง 35%

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: