วันนี้ (6 มิถุนายน) โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมอินเตอร์ มิลาน ที่ยืมตัวมาจากเชลซี ให้สัมภาษณ์กับ CNN ถึงความเป็นไปได้ที่นักฟุตบอลจะร่วมกันก่อตั้งสหพันธ์ผู้เล่น เพื่อที่จะตอบโต้กับการเหยียดผิวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทางการไม่สามารถจัดการได้ดีเท่าที่ควร
ในการสัมภาษณ์ของลูกากูกับ ดาร์เรน ลูอิส จาก CNN ลูกากูกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ในเร็วๆ นี้ที่ผู้เล่นจะก่อตั้งสหพันธ์เพื่อต่อกรกับเหตุการณ์เหยียดผิวที่มีมากขึ้นในทุกๆ เกม
กองหน้าทีมชาติเบลเยียมก็เคยเป็นเหยื่อของการเหยียดผิวเช่นกันในเกมที่อินเตอร์ มิลาน เจอกับยูเวนตุส เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเช่นกัน โดยนักเตะวัย 30 ปี ถูกแฟนบอลจากยูเวนตุสตะโกนด่าด้วยถ้อยคำเหยียดผิวตลอดทั้งเกม
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ วินิซิอุส จูเนียร์ ยิ่งทำให้ลูกากูยิ่งตระหนักต่อความรุนแรงของการเหยียดผิวของแฟนบอลที่มีต่อนักฟุตบอลผู้ที่ไม่ใช่ผิวขาวมากขึ้น
“ที่น่าเศร้าเพราะว่าเราอยู่ในปี 2023 แล้ว บนโลกที่มีวัฒนธรรม ศาสนา และเชื้อชาติที่หลากหลาย แต่คนเราก็ยังทำความผิดพลาดอยู่ซ้ำๆ
“ที่รู้สึกแย่เพราะว่าการที่เราจะนำเสนอฟุตบอลต่อชาวโลกว่าเป็นเกมสำหรับทุกคน มันเริ่มจากการที่ผู้ที่มีอำนาจต้องแก้ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติหรือปัญหาประเภทนี้ก่อน และผมรู้สึกว่าพวกเขายังทำไม่มากพอที่จะให้ผู้คนเคารพคนทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเพศสภาพ การมีสหพันธ์ผู้เล่นจะทำให้เกิดการคุยกับองค์กรฟุตบอลโลก เช่น FIFA หรือ UEFA ได้โดยตรง”
โดยลูกากูปิดท้ายด้วยความเห็นที่ว่า ถ้านำผู้มีอำนาจมาจากหลากหลายเชื้อชาติ ปัญหานี้อาจจะถูกแก้เร็วกว่านี้
ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ได้เริ่มการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มความหลากหลายในปี 2016 โดยปัจจุบัน FIFA มีพนักงานที่มาจากมากกว่า 100 ประเทศ และ 40% เป็นผู้หญิง โดยอ้างอิงจากรายงานที่ FIFA ส่งให้ CNN
อ้างอิง:
