ผลสำรวจของ KPMG ล่าสุด พบว่าผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจยานยนต์ทั่วโลก ลดโทนการมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ EV เนื่องจากกังวลในปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ
จากการผลสำรวจโดย KPMG ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 ธันวาคม) พบว่า ผู้บริหารระดับสูงธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกมองโลกในแง่ดีน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับอัตราการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและความกังวลด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Tesla’ ประกาศหั่นราคาขายในตลาดจีน 9% กูรูหวั่นจุดชนวนสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า
- ยุโรปปูพรมแดงต้อนรับ BYD เข้าตั้งฐานการผลิต ฟากแบรนด์ผลิตรถยนต์เจ้าถิ่นอาจอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป
- สตาร์ทอัพ ‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ เนื้อหอม โกยเงินลงทุนจาก Venture Capital ไปกว่า 6 พันล้านดอลลาร์
จากผู้บริหารระดับสูงธุรกิจยานยนต์กว่า 900 คนที่เข้าร่วมทำแบบสำรวจผู้บริหารระดับสูงธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกประจำปี โดย KPMG บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจผู้ตรวจสอบบัญชีและภาษีชั้นนำของโลก รายงานว่า มีผู้บริหารระดับสูงกว่า 76% จากทั่วโลก และ 84% ในสหรัฐอเมริกา ที่กังวลว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของพวกเขาในปีหน้า
สำหรับสหรัฐอเมริกา ความคาดหวังเฉลี่ยสำหรับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ 35% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ลดลงจาก 65% ในปีก่อนหน้า และต่ำกว่าเป้าหมายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะส่งเสริมการขายรถไฟฟ้าให้มากถึง 50% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดให้ได้ภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม แกรี ซิลเบิร์ก หัวหน้าฝ่ายยานยนต์ระดับโลกของ KPMG กล่าวกับ CNBC ว่า “ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น อนาคตยังคงถูกมองใกล้ความเป็นจริง ความสมจริงนี้ปรากฏชัดตลอดการสำรวจทั้งหมด”
การมองโลกในแง่ดีที่ลดลงในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ท่ามกลางข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับมาตรการจูงใจผู้บริโภคให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาล ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับวัตถุดิบสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ และราคารถยนต์ไฟฟ้าที่แพงในสายตาผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้คือความกังวลนอกเหนือจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ แกรี ซิลเบิร์ก ยังกล่าวต่อว่า “คุณสามารถมองโลกในแง่ดีในระยะยาวได้ แต่ในระยะสั้น คุณต้องมองความเป็นจริงให้มาก ‘มันไม่ใช่สายรุ้ง ผีเสื้อ และความอิ่มอกอิ่มใจอีกต่อไป มันคือเกม’”
อนาคต อาจเห็น Apple ท้าชิง Tesla
ผู้บริหารระดับสูงธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกที่เข้าร่วมการสำรวจคาดว่า Tesla จะยังคงเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และที่น่าประหลาดใจอย่างมากคือ ผู้บริหารระดับสูงยังกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple ซึ่งมีข่าวลือว่ากำลังพัฒนารถยนต์มานานหลายปี จะเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
Apple ได้รับคะแนนโหวต 133 คะแนนในแบบสำรวจเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือคะแนนโหวตสูงสุดเป็นอันดับ 4 รองจาก Tesla (223 โหวต) Audi (206 โหวต) และ BMW (196 โหวต) แม้ว่าบริษัทจะไม่เคยยืนยันแผนการสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าต่อสาธารณชนก็ตาม
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาวะอารมณ์หรือความรู้สึกของผู้บริหารระดับสูงมองว่า Apple จะขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือแบรนด์ที่คนทั้งโลกต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี รวมถึงประสบการณ์ในการผลิตสินค้าจำนวนมาก และการมีคู่ค้าอย่าง Foxconn ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนของ iPhone รายใหญ่ที่สุดให้กับ Apple อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเดินหน้าพัฒนาโรงงานสำหรับรองรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ความกังวลทางเศรษฐกิจสืบเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูง ความกังวลดังกล่าวเชื่อมโยงกับปัญหาห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ตั้งแต่ Raw Materials วัตถุดิบที่สำคัญในการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงชิปเซมิคอนดักเตอร์
โดย KPMG ได้ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ พบว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะเป็นแหล่งรายได้หลักในปีหน้า จากข้อมูลของ KPMG ซึ่งคาดการณ์ว่ารายรับจากเซมิคอนดักเตอร์ยานยนต์จะสูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2040
อย่างไรก็ตามแม้จะมีความกังวล แต่ 83% ของผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจยานยนต์ที่เข้าร่วมการสำรวจทั่วโลกกล่าวว่า พวกเขา ‘มั่นใจ’ ในผลกำไรที่สูงขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 53% ในผลลัพธ์ของปีที่แล้ว
ในสหรัฐอเมริกา 82% ของผู้บริหารระดับสูงกล่าวว่า พวกเขา ‘มั่นใจ’ ว่าจะเติบโตอย่างมีกำไรในอีก 5 ปีข้างหน้า เทียบกับ 67% ในปี 2021
อ้างอิง: