บนเส้นทางการดำเนินธุรกิจของ ‘Louis Tape’ ผู้ผลิตเทปกาวรายแรกของไทย ถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี ทุกย่างก้าวมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีคิดที่เน้นพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ จากกระบวนการผลิตที่ทันสมัย พร้อมเดินหน้าคิดค้นโปรดักต์ใหม่ รวมถึงสินค้ารักษ์โลกที่ย่อยสลายได้ มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป ต้องเข้าไปเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยและดังไกลไปทั่วโลก
จุดกำเนิดของ ‘Louis Tape’
ทีปกร ชินูปการพงศ์ ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ในฐานะซีอีโอ บริษัท หลุยส์ผลิตภัณฑ์กาวเทป จำกัด เปิดเผยว่า จุดกำเนิดของ Louis Tape เริ่มต้นมาจากธุรกิจครอบครัว ที่มีสมาชิก ประกอบด้วย คุณพ่อ คุณลุง คุณอา รวมกัน 5 ครอบครัว จากเดิมครอบครัวทำธุรกิจกันอย่างหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ ร้านขายส่ง ถ้วยชาม สินค้าโชห่วยจากจีน ซึ่งช่วงนั้นมองว่ายังไม่ใช่ธุรกิจที่ยั่งยืนมากนัก
จึงเริ่มมองหาและศึกษาธุรกิจใหม่ๆ กระทั่งมาเจอธุรกิจเทปกาว สมัยก่อนในไทย ยังไม่มีใครเริ่มตั้งโรงงานผลิตเทปกาว และส่วนใหญ่มีเพียงแค่การนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและมาเลเซีย
ทำให้เห็นว่ามีโอกาสอย่างมาก ทั้งในแง่ของสินค้าและช่องทางการทำตลาด จากนั้นได้ตัดสินใจไปเยี่ยมชมโรงงานสร้างเครื่องจักรที่ประเทศเยอรมนี และได้ซื้อ Know-How และสูตรการผลิตกลับมา และใน พ.ศ. 2516 ก็ลงทุนก่อตั้งบริษัท หลุยส์ผลิตภัณฑ์กาวเทป จำกัด ภายใต้แบรนด์ หลุยส์เทป (Louis Tape) โดยที่มาของชื่อแบรนด์ ต้องการให้มีความทันสมัยและมีความเป็นอินเตอร์
ใช้เวลากว่า 5 ปี ฝ่าฟันปัญหาและความท้าทายรอบด้าน
แน่นอนว่าการทำธุรกิจนั้นไม่ง่าย ในช่วงที่บริษัทเริ่มเปิดดำเนินงานได้ไม่นาน ก็ต้องฝ่าฟันปัญหามากมาย เพราะยังขาดความชำนาญและประสบการณ์ในการทำธุรกิจ สินค้าที่ผลิตในช่วงแรก ยังไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดมากนัก จนต้องลดการผลิตเทปให้เหลือเพียง 1 วันต่อเดือน และตัดสินใจขายที่ดิน ที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 5 ไร่ เพื่อชำระหนี้ธนาคารใน พ.ศ. 2519
หลังจากนั้นบรรดาผู้ก่อตั้งรุ่นที่ 1 ต้องเร่งปรับสูตรผลิตเทปกาว เพราะสูตรกาวที่มาจากเยอรมนียังไม่เหมาะกับสภาพอากาศในไทย และใช้เวลานานถึง 5 ปี ที่คิดค้นสูตรผลิตกาวได้สำเร็จ และกว่าจะทำธุรกิจให้สำเร็จได้ ต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างหนัก โดยสินค้าที่ผลิตออกมาตัวแรก คือ เทปใส เริ่มวางจำหน่ายในร้านเครื่องเขียน ย่านสำเพ็งเป็นที่แรก
จากนั้นเป็นต้นไป ก็เดินหน้าพัฒนาสินค้า ด้วยการชูจุดแข็งเรื่องของคุณภาพในการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทำให้ปัจจุบันมีสินค้าเทปกาวทั้งหมด 20 ประเภท
เรียกได้ว่า ‘Louis Tape’ เป็นผู้เล่นในตลาดเทปกาวรายแรกของประเทศไทย แต่ไม่นานนัก ก็เริ่มมีผู้เล่นรายใหม่ๆ กระโดดเข้ามาในตลาด ปัจจุบันคาดว่ามีผู้ผลิตเทปกาวอยู่ประมาณ 4-5 ราย แน่นอนว่าทำให้ตลาดมีสีสันมากขึ้น
เปิดแนวคิดและจุดแข็งของ ‘Louis Tape’ บริษัทผู้ผลิตเทปกาวรายแรกในไทย
ในฐานะที่ Louis Tape เป็นธุรกิจเทปกาวรายแรกของไทย ดำเนินธุรกิจมานานถึง 50 ปี บริษัทมีการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงมาตลอด ภายใต้จุดแข็งและแนวคิด ที่เน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพ จากสูตรกาวที่เหมาะสมกับการใช้งาน และใช้เครื่องจักรการผลิตที่ทันสมัย นำเข้าจากยุโรปและญี่ปุ่น เพื่อควบคุมการผลิตสินค้าทุกล็อตให้ได้มาตรฐานเดียวกัน
ถึงวันนี้บริษัทยังมีกำลังการผลิตที่สามารถรองรับการผลิตสินค้าได้อีกมาก ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงถึง 1.50 ล้านตารางเมตรต่อวัน และมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ พื้นที่ 13,000 ตารางเมตร สามารถรองรับการสต๊อกสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้แน่นอน
‘ทีปกร’ กล่าวต่อไปว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มาจากการศึกษาความต้องการของลูกค้า รวมถึงสินค้ารักษ์โลก เช่น เทปใสที่ย่อยสลายได้ หรือเทปหูหิ้วอเนกประสงค์ ที่ทำมาจากวัตถุดิบยางธรรมชาติ เพื่อผลักดันเกษตรกรไทย และดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป
ทั้งหมดนี้ทำให้ ‘Louis Tape’ ได้ขึ้นเป็นผู้ผลิตสินค้าเทปใส อันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทกาวยางธรรมชาติอันดับ 1 ของอาเซียน ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งออกไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก
บทพิสูจน์ผู้บริหาร-พนักงาน ทีมเวิร์กดันธุรกิจในช่วงวิกฤตให้เดินหน้าต่อได้
สิ่งที่ต้องให้น้ำหนักมากขึ้น คือ การขยายช่องทางขายให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีทั้งลูกค้ากลุ่ม B2B ตามด้วย B2C และโมเดิร์นเทรด รวมทั้งช่องทางออนไลน์ ได้แก่ Shopee และ Lazada
ในช่วงโควิดช่องทางออนไลน์เติบโตอย่างมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าก่อนเกิดโควิด บริษัทยังไม่ได้เน้นขายออนไลน์มากนัก แต่เมื่อโควิดระบาด พฤติกรรมคนเปลี่ยน กลายเป็นว่า โควิดเป็นตัวเร่งให้เราต้องทำให้เร็วขึ้น
นอกจากนั้นเรายังมองเห็นโอกาสสำหรับสินค้ากลุ่มเทปปิดกล่องพิมพ์ลาย สำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่ใช้แพ็กส่งสินค้า โดยปัจจุบันเรามีลวดลายให้เลือกมากมาย
ถ้าจำกันได้ช่วงนั้น การขนส่งทางเรือมีปัญหา ทั้งวัตถุดิบที่นำเข้ามาและการส่งออกถูกเลื่อนไปนานกว่า 2 เดือน ในแง่ของต้นทุนเริ่มมีนัย ช่วงนั้นทีมจัดซื้อและทีมส่งออกเหนื่อยมาก
ไม่ว่าจะเป็นการบริหารต้นทุนการขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หรือการจัดการกับความไม่แน่นอนของตารางเดินเรือ เป็นต้น ขณะที่ฝั่งกระบวนการผลิต ก็ต้องช่วยกันดูแลสุขภาพของพนักงาน เพื่อให้กระบวนการผลิตเดินหน้าต่อได้
เมื่อทุกอย่างผ่านมาได้ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เวลาที่เจอปัญหาค่อนข้างใหญ่ พนักงานและผู้บริหารทุกคน ต้องเป็นทีมเวิร์กกัน เพราะถ้าไม่ร่วมมือกันธุรกิจคงไปต่อไม่ได้
ก้าวต่อไปของ ‘Louis Tape’ ต้องเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยและดังไกลไปทั่วโลก
ผู้บริหารรุ่นที่ 2 กล่าวต่อถึงก้าวต่อไปของ Louis Tape ต่อจากนี้มุ่งเดินหน้าตามวิชั่นของบริษัท ที่ต้องการให้เทปกาวเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยและดังไกลไปทั่วโลก
ในปีนี้ บริษัทเน้นปรับกระบวนการภายใน เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนระบบซอฟต์แวร์ ERP เพื่อรองรับการทำงานของฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายขาย ไปจนถึงกระบวนการผลิต ให้บริษัทใช้ระบบเดียวกันหมด ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนความผิดพลาดลง และเป็นการเพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถรองรับการเติบโตได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมติดตั้ง QR Code บนสินค้าสำเร็จรูปทุกกล่อง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตได้ดีมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25%
พาร์ตเนอร์และลูกค้า ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ ‘Louis Tape’ ประสบความสำเร็จนั้น เกิดจากพาร์ตเนอร์และลูกค้า บริษัทได้จัดทำโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 50 ปี และที่ผ่านมาได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า ที่สนับสนุนแบรนด์สินค้าของ Louis Tape มาตลอด
รวมถึงการเปิดโอกาสให้รายการ เสือร้องไห้ เข้ามาทัศนศึกษา และถ่ายทำคลิปวิดีโอ เพื่อให้ความรู้เรื่องกระบวนการผลิตเทปใส
นอกจากนี้ยังมีการ Collab กับ Smileyhound ทำสินค้าคอลเล็กชันพิเศษออกมาในช่วงครบรอบด้วย
“ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึง วิธีคิดที่ Louis Tape ทำมาตลอด คือ ด้วยความผูกพันของการเป็นธุรกิจครอบครัว ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ได้เรียนรู้มาจากรุ่นที่ 1 ซึ่งหนึ่งในคำสอนของคุณพ่อที่ใช้ในการทำธุรกิจ คือ ความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพให้เป็นหนึ่ง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า พร้อมกับช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าผมในฐานะที่เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 ได้นำมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต และต่อยอดไปยังการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ” ทีปกร ชินูปการพงศ์ ซีอีโอ บริษัท หลุยส์ผลิตภัณฑ์กาวเทป จำกัด กล่าว