โลตัสเดินหน้าทุ่มงบคว้าตัว ‘กงยู’ นักแสดงเกาหลีใต้ชื่อดัง ร่วมแคมเปญใหญ่ในโอกาสครบรอบ 30 ปี มั่นใจสร้างรายได้และรักษาฐานแฟนได้เป็นอย่างดี พร้อมเดินตามแผนขยายสาขาและปรับพื้นที่เช่ารับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค
สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า โลตัสอยู่ในตลาดค้าปลีกมานานกว่า 30 ปี ที่ผ่านมามีการปรับตัวรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ถึงวันนี้หัวใจสำคัญของธุรกิจยังเน้นกลยุทธ์ส่งเสริมสินค้า ราคาประหยัด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
พร้อมเดินหน้าตอกย้ำความเป็น SMART Community Center มีเป้าหมายให้โลตัสมีการบริการครบวงจร ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค ร้านค้าไลฟ์สไตล์ รวมถึงร้านอาหาร โดยทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์รวมของการใช้ชีวิตในทุกเจเนอเรชัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ถึงวันนี้ในโอกาสครบรอบ 30 ปี ได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ ‘Lotus’s 30th Anniversary with Gong Yoo in Bangkok’ นำทัพสินค้ามาลดราคาหลายรายการ พร้อมดึง กงยู นักแสดงเกาหลีใต้ชื่อดัง มาร่วมกิจกรรม จัดแคมเปญ ‘ซื้ออะไรก็ได้เจอกงยู’ โดยลูกค้าที่เป็น Top Spender ที่สะสมใบเสร็จจากการช้อปสินค้าในโซนซูเปอร์มาร์เก็ต 2,000 คนแรก รวมถึงยังเปิดให้ลูกค้าทุกคนร่วมรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมด้วยเช่นกัน
“เราคาดหวังว่าการนำกงยู นักแสดงเกาหลีใต้ชื่อดัง มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสร้างรายได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าของโลตัสได้เป็นอย่างดี เพราะการที่เรานำกงยูมานั้น ก็มาจากการเก็บข้อมูลฐานลูกค้าที่พบว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นฐานแฟนคลับของกงยูอยู่แล้ว” สมพงษ์ย้ำ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลตัสดึงนักแสดงแนวหน้าของวงการซีรีส์เกาหลีใต้มาร่วมแคมเปญเพื่อสร้างกระแสให้กับธุรกิจของตัวเอง ย้อนกลับไปในปี 2565 ได้ทำร่วมกับคิมซูฮยอน ส่วนปี 2566 ก็เป็นพัคซอจุน จนมาถึงกงยูในปีล่าสุดนี้
สำหรับทิศทางและแผนการดำเนินงานต่อจากนี้ ท่ามกลางสถานการณ์เทรนด์ทั่วโลกจะเห็นว่าไม่นิยมเปิดร้านค้าปลีกใหญ่ๆ เหมือนเดิมแล้ว แต่โลตัสมองว่าการขยายสาขาขนาดใหญ่อย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตยังมีความจำเป็นอยู่ โดยเฉพาะการไปเปิดในจังหวัดที่ยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่
จากเดิมแล้วในทุกๆ ปี โลตัสจะมีการขยายสาขาและรีโนเวตร้านใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นเปิดโมเดล Lotus’s go fresh เป็นหลัก พิจารณาทำเลที่มีศักยภาพและคู่แข่งในตลาด ซึ่งปัจจุบันโลตัสมีทั้งหมด 2,480 สาขา พร้อมนำข้อมูลเชิงลึกมาช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ตรงจุด
ขณะเดียวกันก็ต้องปรับพื้นที่เช่าไปด้วย โดยปัจจุบันสัดส่วนของพื้นที่เช่าอยู่ที่ 90% ที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้พันธมิตรหลายๆ แบรนด์ทั้งร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ เข้ามาสอดรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าพื้นที่เช่าในแต่ละศูนย์ก็ไม่เหมือนกัน แต่ก็พยายามปรับให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้กำลังซื้อจะยังไม่สดใสมากนัก แต่ผู้คนยังต้องการสินค้าและประสบการณ์ใหม่ๆ สะท้อนจากแนวโน้มของทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด